โบรกเกอร์ต่างเห็นพ้องแนะนำ "ซื้อ" หุ้น บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) คาดทิศทางผลประกอบการในไตรมาส 2/64 จะออกมาดีกว่าไตรมาส 1/64 (QoQ) และ ไตรมาส 2/63 (YoY) หลังไตรมาส 1/64 ทำผลงานได้ออกมาดีกว่าคาด เนื่องจากธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจอะโรเมติกส์ ยังมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะดีมานด์จากจีนฟื้นตัว และในไตรมาสนี้คาดว่าค่าการกลั่น (GRM) ก็ดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสที่แล้ว
นอกจากนี้ ในไตรมาส 2/64 ยังรับรู้กำไรจากการขายหุ้น บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ประมาณ 8,000- 9,300 ล้านบาท ทำให้ผลประกอบการในครึ่งแรกของปีนี้สดใสมาก และมีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรในปี 64 นอกจากนั้น บางโบรกเกอร์เตรียมปรับราคาเป้าหมายขึ้นด้วย
ราคาหุ้น PTTGC ปิดเช้าที่ 67 บาท ลดลง 0.25 บาท (-0.37%) ขณะที่ ดัชนี SET ลดลง 0.96%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) ทรีนิตี้ ซื้อ 80 คันทรี่กรุ๊ป ซื้อ 80 หยวนต้า ซื้อ 79 เคจีไอฯ ซื้อ 79 เคทีบีเอสที ซื้อ 78 แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ซื้อ 77 ฟิลลิปฯ ซื้อ 75 ทิสโก้ ซื้อ 75 ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซื้อ 73 เอเชียเวลท์ ซื้อ 71
นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า มีมุมมองบวกกับ PTTGC และเป็น Top Pick ในกลุ่มปิโตรเคมี เพราะรายงานกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งที่ 9.7 พันล้านบาท ในไตรมาส 1/64 เทียบกับขาดทุนสุทธิ 8.8 พันล้านบาท ที่ออกมาตามคาด โดยทุกธุรกิจปรับขึ้นทั้งกลุ่มปิโตรเคมี และ กลุ่มอะโรเมติกส์ ซึ่งทั้งสองกลุ่มมีราคาดีและสเปรดสูง ขณะที่กลุ่มโรงกลั่น ค่าการกลั่นดี รวมทั้งยังมีสต๊อกน้ำมัน 2 พันกว่าล้านบาทด้วย นอกจากนี้กำลังการผลิตในไตรมาส 1/64 กลับมาเต็มที่
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/64 ธุรกิจยังสดใสต่อเนื่อง ค่าการกลั่นยังดีต่อเนื่อง ขณะที่ราคาเม็ดพลาสติกก็ยังอยู่ระดับสูงราว 1,200 เหรียญสหรัฐ/ตัน ดีกว่าไตรมาส 1/64 ที่ 1,100 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนสเปรดอะโรเมติกส์ก็ยังดีจากดีมานด์ของจีน นอกจากนี้ยังมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น GPSC คาดได้กำไรหลังหักภาษีที่ 9,300 ล้านบาท แต่กำไรจากสต็อกน้ำมันอาจไม่สูงเท่ากับไตรมาส 1/64 อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานน่าจะดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/64 โดยคาดว่ากำไรไตรมาส 2/64 จะเติบโตขึ้น
"มองทุกธุรกิจฟื้นตัว ตัวเลขออกมาดีกว่าคาด ภาพโดยรวมดีกว่าที่คิด ให้ราคาเป้าหมาย 71 บาท แต่รอปรับขึ้น และปรับประมาณการกำไรปกติที่ให้ไว้ 16,000 ล้านบาท Operation ก็ดี และยังมีกำไรจากการขาย GPSC ที่เป็น cash"นายเบญจพล กล่าว
ขณะที่ บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดในไตรมาส 2/64 การดำเนินงานหลักแข็งแกร่งและเสถียร คาดกำไรหลักยังคงแข็งแรง ราคา PE เพิ่มขึ้น 6-8% QTD มาร์จิ้นที่ดีคาดมีการขยายส่วนของอะโรมาติกส์ต่อ ส่วนผลิตภัณฑ์กลั่นนั้นคาดจะไม่ได้รับผลกระทบจากพรีเมียน้ำมันดิบสูง เนื่องจากมีการเลือกแหล่งที่ต่างจากกลุ่ม มาร์จิ้นผลิตภัณฑ์กลั่นที่ดีขึ้นคาดหนุนไตรมาส 2/64 มาร์จิ้น BPA แตะออลไทม์ไฮ เพิ่มขึ้น 43% QoQ มาร์จิ้น PO/Polyols ยังดี QTD อย่างไรก็ดี การไม่มีกำไรจากคลังสินค้าในไตรมาส 2 คาดกดดันกำไรสุทธิ
โดยชอบ PTTGC มากกว่า PTTEP สำหรับการลงทุนน้ำมัน และเป็นตัวเลือกที่ดีกว่ากลุ่มที่กลั่นนาฟทาเป็นหลัก เนื่องจากราคาเคมีภัณฑ์ที่ดี
ด้านบทวิเคราะห์ บล.เคทีบีเอสที ระบุว่า PTTGC รายงานกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งที่ 9.7 พันล้านบาทในไตรมาส 1/64 เทียบกับขาดทุนสุทธิ 8.8 พันล้านบาทในไตรมาส 1/63 และกำไรสุทธิ 6.4 พันล้านบาทในไตรมาส 4/63 สูงกว่าตลาดและเราคาด 10% และ 20% ตามลำดับ
กำไรที่สูงกว่าเราคาดเป็นผลจาก 1) EBITDA ที่สูงกว่าคาดจากธุรกิจ Performance materials and chemicals (PMC) และ อะโรเมติกส์ (Aromatics) และ 2) ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่สูงกว่าคาด ทั้งนี้บริษัทมี Adjusted EBITDA ที่ 14.1 พันล้านบาท (+122% YoY, +48% QoQ) ซึ่งได้รับผลบวกจากราคาเม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีน (PE) เฉลี่ยที่แข็งแกร่ง ขณะที่ธุรกิจ PMC ก็ได้แรงหนุนจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กลุ่ม BPA ที่สูงและการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการ PO/Polyols
พร้อมคงประมาณการกำไรปี 64 และ 65 ที่ 15.3 พันล้านบาท และ 18.3 พันล้านบาท ตามลำดับ เทียบกับ 200 ล้านบาทในปี 63 โดยเราคาดว่ากำไรของบริษัทจะฟื้นตัวตามราคาเม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีน (PE) ที่สูงขึ้นสะท้อนอุปสงค์ที่ฟื้นตัวของอุปสงค์หลังมีการใช้วัคซีน COVID-19 ในทิศทางเดียวกันเราคาดว่าค่าการกลั่น (Market GRM) ก็จะค่อยๆปรับตัวขึ้นตามทิศทางอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เรามีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรหลังเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์เพื่ออัพเดตแนวโน้มธุรกิจและภาพรวมอุตสาหกรรม
ทั้งนี้เรายังคงมุมมองว่าธุรกิจหลักของบริษัทจะยังคงแข็งแกร่งตลอดครึ่งแรกปีนี้จากราคาคผลิตภัณฑ์ PE ที่ยืนสูงและการรับรู้โครงการ ORP อีกทั้งอาจจะมี potential upside ต่อประมาณการกำไรของเราจาก 1) ราคาเม็ดพลาสติก PE ที่อยู่ในระดับสูงได้นานกว่าคาด 2) กำไรจากธุรกิจ PMC ที่อาจจะแข็งแกร่งกว่าที่เราคาด และ 3) กำไรส่วนเพิ่มจากการมีสัดส่วนถือครองในบริษัท VNT สูงขึ้น (ธุรกรรมคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/64) เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ"
บล.ทรีนิตี้ ระบุคงคำแนะนำ "ซื้อ" และปรับราคาเป้าหมายปี 64 ขึ้นเป็น 80 บาท อิง +1SD PBV ที่ 1.2 เท่า และปรับขึ้นประมาณการกำไรปี 64 ขึ้นเป็น 4.3 หมื่นล้านบาท โดยมีกำไรจากกการขาย GPSC ราว 8 พันล้านบาท และกำไรจากดำเนินงานปกติ 3.5หมื่นล้านบาท ซึ่งมาจากการปรับสมติฐาน HDPE spread ขึ้นจาก USD550/ton เป็น USD600/ton ซึ่งราคา HDPE และ PP spread ปัจจุบันอยู่สูงถึง USD600-700/ton
"PTTGC ยังเป็นหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีที่เรายังชื่นชอบตามการฟื้นตัวของปิโตรเคมีอย่างแข็งแกร่ง และราคาหุ้นยัง Laggard กลุ่ม"บทวิเคราะห์ ระบุ