นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.อิชิตันกรุ๊ป (ICHI) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2/64 บริษัทเตรียมออกเครื่องดื่มซีรีส์ใหม่ "ICHITAN Green Tea X" ใน 3 รสชาติหลักที่ขายดี ด้วยการเพิ่มวิตามินเข้าไปเพื่อตอบรับกระแสสุขภาพ ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มเจเนอเรชั่น X ที่ต้องการความแปลกใหม่ ในปริมาณที่พอดี ขนาด 350 มล. ราคา 15 บาท มาพร้อมกัน 3 รสชาติ "Green Tea X Honey Lemon" เครื่องดื่มชาเขียวรสชาติยอดนิยมของคนไทย ผสมวิตามิน C จากอังกฤษ, "Green Tea X Berry Lemon" เครื่องดื่มชาเขียวรสชาติเปรี้ยวหวาน ผสมวิตามิน C จากอังกฤษ และ "Green Tea X Kyoho Grape"เครื่องดื่มชาเขียวที่ได้รับการตอบรับจากวัยรุ่น ผสมวิตามิน A จากสวิสเซอร์แลนด์
นอกจากนี้ เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น บริษัทฯ ได้เปิดตัว "อิชิตัน น้ำด่าง 8.5 ผสมวิตามิน D และกิงโกะ" เสริมทัพสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มสุขภาพผสมวิตามินช่วยดูแลสุขภาพคนไทยด้วย 0 แคลอรี่ 0 โซเดียม และ 0 น้ำตาล เป็นเครื่องดื่มล่าสุดในพอร์ทวิตามิน วอเตอร์ เสริมทัพสินค้ากลุ่มตระกูลวิตามินที่วางตลาดไปก่อนหน้า ได้แก่ ได้แก่ อิชิตัน น้ำด่าง 8.5 ผสมวิตามินบีรวม, อิชิตัน วิตามิน วอเตอร์ ซี พลัส อี และอิชิตัน วิตซีซี;วิตามิน C 200%
ด้านธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) ได้บริษัทชั้นนำ อาซาฮี (Asahi Holding Southeast Asia SDN.BHD.) จากญี่ปุ่น และอีกหนึ่งแบรนด์ใหญ่ในประเทศไทยที่เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/64 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 121.6 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 23.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 159.2 ล้านบาท แต่เติบโตขึ้น 44.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/63 ด้านบริษัทร่วม อิชิตัน อินโดนีเซีย ยังคงความสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเข้ามาในไตรมาส 1/64 ที่ 13.6 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 1,278.8 ล้านบาท ใกล้เคียงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และยังคงรักษาอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดย อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 9.4% เนื่องจากผลกระทบสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ที่ขยายวงกว้างมากขึ้น อิชิตันพยายามผลักดันตลาดในประเทศให้มีการเติบโตที่ดี จากชาเขียวกลุ่ม Mainstream ซึ่งเป็นเซ็กเม้นต์ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดชาเขียว และเย็นเย็น เครื่องดื่มจับเลี้ยง ด้านผลิตภัณฑ์ไซส์เล็กราคาคุ้มค่า ยังคงเป็นขนาดชูโรงของอิชิตันที่ได้รับการตอบรับจากร้านค้าปลีกรายย่อยทั่วประเทศ (Traditional Trade) เนื่องจากเหมาะกับกำลังซื้อของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ขณะที่ยอดขายกลุ่มเครื่องดื่มผสมวิตามินเข้ามาเสริมทัพ และมีโอกาสการเติบโตอีกมาก ตอบรับกระแสเครื่องดื่มสำหรับดูแลสุขภาพที่มีการเติบโตสวนทางตลาดเครื่องดื่มอื่นๆ
ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มผสมวิตามินในประเทศไทย ไตรมาส 1/64 มีอัตราการเติบโตขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 102.8% หรืออยู่ที่ 625.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตสูงสุดในตลาดเครื่องดื่มทั้งหมด โดยมีอิชิตันรักษาตำแหน่งอยู่ใน Top5 ภายใน 1 ปีที่เข้าทำตลาด สนับสนุนให้ยอดขายในประเทศ เติบโตขึ้นราว 19% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ตลาดส่งออกที่ปรับลดลงราว 50% จากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า และหลายประเทศทำการปิดประเทศเพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัส