นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คอมเซเว่น (COM7) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมปรับเป้าหมายรายได้ปี 64 เป็นเติบโตมากกว่า 20% จากเดิมที่คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ 10% หลังจากไตรมาส 1/64 รายได้เติบโตสูงถึง 46.3% จากยอดขายในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ เนื่องจากสินค้าไอทีกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต การทำงาน การเรียนการสอน และไลฟ์สไตล์ โดยสินค้าที่ได้รับการตอบรับในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการ Work from Home, Learn from Home และ Cryptocurrency (สกุลเงินดิจิทัล) ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการสินค้าให้เพียงพอ และนำสินค้าใหม่เข้ามาเสริมพอร์ต เชื่อว่าจะผลักดันการเติบโตต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้
และอีกไฮไลท์สำคัญในไตรมาส 1/64 COM7 ได้มีข้อตกลงการฝากขาย (Consignment) สินค้าทุกประเภทในแบรนด์ Xiaomi ที่ไม่ใช่สินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฟน ผ่านทุกช่องทางหน้าร้านของ True Shop ทั่วประเทศ ซึ่งจะมีส่วนช่วยผลักดันยอดขายที่เพิ่มขึ้น เติมเต็มพอร์ตสินค้าด้าน IoT และนวัตกรรม รวมทั้ง ผลตอบรับจาก iPhone12 ที่ยังคงความร้อนแรงต่อเนื่อง จากการเปิดตัวในช่วงปลายปี 63 ที่ล่าช้ากว่าในรุ่นก่อน แต่สินค้าได้ผลตอบรับที่ดีมาก
ในขณะเดียวกันบริษัทยังคงเป้าหมายการขยายสาขา ณ สิ้นปี ให้เพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 1,000 สาขา โดยแผนการขยายสาขาของบริษัทได้แก่ Studio7 (Apple) บริษัทจะขยายสาขาเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของห้างสรรพสินค้า รวมถึง U-Store ที่ปีนี้บริษัทจะมีการขยายสาขาตามมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้นด้วย สำหรับ BaNANA บริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาไปยังอำเภอรองเพิ่มมากขึ้น ทั้งรูปแบบร้านแฟรนไชส์ และรูปแบบร้าน Stand Alone และยังมีแผนที่จะขยายต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี ขณะที่ Xiaomi Shop แบรนด์น้องใหม่สุดที่มีการเติบโตดีมาก ตั้งเป้าสิ้นปีจะมีจำนวนประมาณ 25 สาขา
ปัจจุบันบริษัทมีสาขา 920 สาขา แบ่งเป็น BaNANA 318 สาขา Studio7 107 สาขา KingKong Phone 92 สาขา True Shop by Com7 122 สาขา แฟรนไชส์ 108 สาขา BKK 50 สาขา iCare 28 สาขา และอื่นๆ 95 สาขา โดยมีการขยายเพิ่มจากไตรมาส 1 ปีที่แล้วรวม 132 สาขา
นอกจากนี้ บริษัทจะยังคงให้ความสำคัญในการขยายช่องทางออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆ ที่เติบโตขึ้น และช่องทางการขายของบริษัทฯ ผ่านเว็บไซต์ www.bnn.in.th ที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งาน รองรับการเติบโตในอนาคต และเชื่อมโยงการทำตลาดแบบ Omni Channel
นายสุระ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทิศทางผลประกอบการในไตรมาส 2/64 มีทิศทางที่เติบโตอย่างต่อเนื่องโดยจะได้รับการสนับสนุนจากการเปิดตัวของผลิตภัณฑ์ใหม่อาทิ Apple ได้มีการเปิดตัว iPad Pro 2021, iMac , iPhone 12 สีใหม่, AirPods 3, AirTags รวมทั้ง อุปกรณ์ VR และ AR เป็นต้น ที่เข้ามาระตุ้นกำลังซื้อสาวกเทคโนโลยีให้คึกคักมากขึ้น ในขณะเดียวกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่นี้ไม่กระทบเหมือนในปีก่อนที่มีการล็อกดาว ทำให้การปิดร้านของบริษัทน้อยกว่าเมื่อเทียบกับปีก่อนด้วย
ในขณะที่ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างผสานความร่วมมือระหว่าง COM7 และ NCAP คาดจะเห็นความชัดเจนปีนี้ รวมทั้ง ไม่ปิดโอกาสการพูดคุยกับพันธมิตรรายอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง