นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอสซีจี เซรามิกส์ (COTTO) กล่าวว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/64 เติบโตกว่าช่วงเดียวของปีก่อน เนื่องจากไตรมาส 2/63 เป็นไตรมาสที่มีผลการดำเนินงานที่แย่ที่สุดจากผลกระทบของการล็อกดาวน์ประเทช่วงโควิดระบาดรอบแรก แต่คาดผลงงานจะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/64 จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3
อย่างไรก็ตามมองผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี จะปรับตัวดีขึ้นหรือแย่ลงขึ้นอยู่กับความเร็วในการกระจายวัคซีน ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นกลับมาได้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ กลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการขยายช่องทางการจำหน่ายให้ครอบคลุม โดยไตรมาสแรกของปี 64 มีการขยายคลังเซรามิกมากถึง 7 สาขา สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิมที่ 5 สาขา ทำให้ในไตรมาส 1/64 มีสาขารวมทั้งสิ้น 47 สาขา ซึ่ง COTTO มีแผนขยายสาขาให้ครบ 100 สาขา ภายในปี 66
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการปรับโชว์รูมเป็นรูปแบบ ONE Stop Service Solution ภายใต้ชื่อแบรนด์ COTTO Life ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงกันระหว่างออฟไลน์และออนไลน์ โดยรูปแบบดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่การให้คำปรึกษา, การออกแบบ การคัดเลือกสินค้า จนไปถึงการบริการติดตั้ง เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ก็ได้มีการนำเสนอสินค้า ที่เรียกว่าเป็น LT by COTTO เน้นการติดตั้งรวดเร็ว ไม่มีฝุ่น ตรงกับความต้องการของลูกค้าที่มีในปัจจุบัน และคาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต อีกทั้งยังพัฒนาสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับเซรามิคอย่างต่อเนื่อง
ด้านตลาดต่างประเทศในกลุ่ม CLM แม้ขณะนี้จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 และปัญหาการเมืองในประเทศเมียนมา แต่ยังเชื่อว่าในระยะยาวยังเป็นตลาดที่มีการขยายตัวได้ดี ซึ่งบริษัทยังคงเดินหน้าขยายตลาดในกลุ่มประเทศดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง แต่ยอมรับว่ายอดขายในประเทศเมียนมาน่าจะลดลง 20-30% จากสัดส่วนยอดขายในเมียนมาที่มีอยู่ 4-5% ของยอดขายรวม
ส่วนธุรกิจพลังงานทดแทน หรือโซลาร์รูฟท็อป คาดว่าปีนี้จะเป็นปีแรกที่จะรับรู้รายได้เข้ามา โดยคาดจะมียอดขายราว 5% ของยอดขายรวม
นายนำพล กล่าวว่า สำหรับงบลงทุนในปีนี้บริษัทฯ วางไว้ราว 450-500 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจ และลดต้นทุนด้านพลังงาน โดยในไตรมาสแรกใช้ไปแล้วจำนวน 38 ล้านบาท
"ปีนี้จะเน้นการขยายช่องทางการขายให้ครอบคลุม พัฒนาสินค้าให้ตรงกับพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตและความแตกต่างให้กับบริษัท เช่น สินค้า LT by COTTO ซึ่งเราก็ได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก รวมถึงธุรกิจพลังงานก็คาดสร้างการเติบโตของยอดขายให้กับบริษัทด้วย" นายนำพล กล่าว