นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 1/64 บริษัทมีกำไรสุทธิ 305 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 203 ล้านบาท หรือ 40% สาเหตุหลักจากรายได้ที่ลดลงเนื่องจากการระบาดของโควิด -19 ระลอก 2
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในไตรมาสนี้ดีกว่าช่วงโควิด-19 ระบาดรอบแรก โดยช่วงต่ำสุดไตรมาส 2/63 บริษัทมีกำไรเพียง 152 ล้านบาท และบริษัทเชื่อมั่นว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย การฉีดวัคซีนกระจายทั่วถึง ปริมาณการเดินทางและรายได้ของบริษัทจะฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
ในด้านค่าใช้จ่ายโดยรวม ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 539 ล้านบาท หรือ 21.6% จากการลดลงของค่าตัดจำหน่ายสิทธิในการใช้ประโยชน์บนงานก่อสร้างทางด่วนของทางพิเศษศรีรัช ส่วนเอ บี ซี ซึ่งได้ถูกตัดจำหน่ายหมดแล้วเมื่อเดือน ก.พ.63 แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการให้บริการและดอกเบี้ยจ่ายที่บันทึกเป็นค่าใช้จ่าย เพิ่มขึ้นจากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินครบทั้งสายทาง
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา BEM ได้เสนอขายหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน อายุ 3-10 ปี มูลค่า 6,000 ล้านบาท ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ อัตราดอกเบี้ย 1.56-3.33 % ทำให้ต้นทุนการเงินของบริษัทต่ำลง
นายสมบัติ กล่าวเสริมว่า สำหรับการลงทุนใหม่โดยเฉพาะการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม BEM มีความพร้อมอย่างเต็มที่ รอเพียงการประกาศของภาครัฐ