(เพิ่มเติม) บลจ.ยูโอบี คาด NAV สิ้นปีเพิ่มเป็น 1.1 แสนลบ.จาก 8.5 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 31, 2007 17:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บลจ.ยูโอบี คาดว่า สินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร(NAV) สิ้นปีนี้จะเพิ่มมาเป็น 1.1 แสนล้านบาท จากปัจจุบันที่มี 8.5 หมื่นล้านบาท จากการขยายขนาดของกองทุนที่มีอยู่ โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมีแผนจะเปิดขายหน่วยลงทุนของกองทุน FIF อีก 1 กองทุน และกองทุนตราสารหนี้ 1-2 กองทุน ขณะที่ปีหน้าคาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนใหม่ประมาณ 20-30 กองทุน
ล่าสุด เปิดตัวกองทุนใหม่ให้กับนักลงทุนในประเทศไทย คือ กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท เอเชีย แอคทีฟ อโลเคชั่น (UOB Smart Asia Active Allocation Fund : UOBSAAA) ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในกองทุนต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) ภายใต้กองทุนเปิด United Asia Active Allocation Fund (UAAAF) โดย UOB Asset Management ประเทศสิงคโปร์
สำหรับ UOBSAAAF จะเริ่มเสนอขายเป็นครั้งแรกในระหว่างวันที่ 1-12 พ.ย. 50 นี้ โดยกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ เริ่มต้น 10,000 บาท คาดให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีไม่ต่ำกว่า 10%
กองทุนเปิด ยูโอบี เอเชีย แอคทีฟ อโลเคชั่น เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นภูมิเอเชีย แบ่งเป็นการลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ สัดส่วนการลงทุน 20-60% การลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าตลาดขนาดเล็ก สัดส่วนการลงทุน 0-40% และลงทุนในตราสารหนี้ 20-60% โดยกองทุนนี้จะลงทุนผ่านกองทุน United Asia Fund
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. ยูโอบี (ไทย) กล่าวว่า การเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจะมาจากกองทุนเดิมที่บริษัทเปิดในปีนี้ถึง 13 กองทุน และมีแผนที่จะเปิดกองทุนใหม่ภายในปีนี้อีก 2-3 กองทุน แบ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนยังต่างประเทศ (FIF) 1 กอง โดยคาดว่าเป็นกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียและให้ผลตอบแทนสูง และกองทุนตราสารหนี้อีก 1-2 กองทุน ซึ่งทั้ง ปีคาดว่าจะเปิดกองทุนใหม่ไม่น้อยกว่า 15 กองทุน
ปีนี้บริษัทมีการขยายตัวจากกองทุนต่างประเทศในระดับสูงจากเดิมที่มีขนาดกองทุน FIF อยู่เพียง 250 ล้านบาทเมื่อช่วงต้นปีแต่ปัจจุบันขนาดกองทุนเพิ่มเป็น 1.5 หมื่นล้าน ครองสวนแบ่งตลาดอันดับ 1 จากมูลค่ากองทุนที่ไปยังลงทุนต่างประเทศของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมทั้งหมดในประเทศที่มีมูลค่าประมาณ 6 หมื่นล้านบาท
ในปี 2551 คาดว่าจะมีกองทุนใหม่อีก 20-30 กองทุน ซึ่งแบ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ประมาณ 20 กองทุน และกองทุน FIF และอื่นๆ
"ปี 51 ธุรกิจกองทุนจะคึกคักเป็นพิเศษ จากพรบ.ประกันเงินฝาก หากประกาศใช้จะมีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ธุรกิจกองทุนเพิ่มมากขึ้น รูปแบบกองทุนจะมีความหลากหลาย โดยเฉพาะตราสารหนี้ยังเติบโตได้ เนื่องจากความเสี่ยงต่ำ" นายวนา กล่าว
นายวนา กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยขณะนี้ถือว่าสูงกว่าปัจจัยพื้นฐานเล็กน้อย โดยดัชนี SET สิ้นปี 50 คาดว่าจะอยู่ที่ 900-950 จุด โดยการปรับเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นไทยเป็นไปตามตลาดภูมิภาค ประกอบช่วงก่อนการเลือกตั้งตลาดหุ้นจะคึกคัก ส่วนปี 2551 หลังการเลือกตั้งตลาดหุ้นอาจปรับตัวลดลง แต่หากได้รัฐบาลใหม่จะส่งผลดีต่อนโยบายการเงินการคลัง อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจคาดว่าจะดีกว่าปี 50

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ