นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ (STI) เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานงวดประจำไตรมาส 1/64 มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งตามเป้าหมาย โดยรายได้จากการให้บริการรวมอยู่ที่ 456.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 223.8 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 96.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 40.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 47.3% สาเหตุหลักมาจากความเชี่ยวชาญในการบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง รวมทั้ง ธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม และธุรกิจอื่นที่ประสบความสำเร็จ และมีการทยอยส่งมอบงานตามแผน
รวมทั้งการรวมรายได้ของบริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด (AEC) เข้ามาในไตรมาส 1/64 ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญในงานโครงสร้างพื้นฐาน และเพิ่มโอกาสในการขยายงานในโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ มากขึ้น สนับสนุนให้ปีนี้ กลุ่ม STI มีความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มบริษัทสูงกว่าเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 30% อัตรากำไรสุทธิ 8.8%
"ในช่วงโค้งแรกของปีกลุ่มบริษัทมีรายได้และกำไรเติบโตขึ้นมาก จากการทยอยรับรู้รายได้ของโครงการในมือตามความสำเร็จของงาน ได้แก่ การรับรู้รายได้สำหรับงานโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการ โซน C ในขณะที่งานโครงการอื่นๆ ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องภายใต้สถานการณ์โควิด เช่น โครงการ One Bangkok โครงการปรับปรุงศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โครงการอาคารชุดพักอาศัยหลายโครงการ โครงการอาคารสำนักงาน และโครงการประเภทอาคารอเนกประสงค์ เป็นต้น สะท้อนการบริหารจัดการภายในอย่างมีประสิทธิภาพ และการบริหารงานภายในองค์กร ด้วยมาตรการป้องกันสูงสุดตามนโยบายภาครัฐ" นายสมเกียรติ กล่าว
อย่างไรก็ดี นอกจากการดำเนินธุรกิจเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ การควบรวมกิจการ AEC จะเข้ามารับรู้ในปีนี้เต็มปีเป็นปีแรก เป็นส่วนสนับสนุนให้ผลประกอบการให้แข็งแรงขึ้น และเป็นการขยายพอร์ตไปสู่งานโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม
ปัจจุบัน กลุ่ม STI มีโครงการในมือ (Backlog) รวมกันอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท หรือกว่า 200 โครงการ แบ่งเป็นงานภาครัฐบาลสัดส่วน 74% และเอกชนสัดส่วน 26% ที่จะทยอยรับรู้รายได้ 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งส่วนมากเป็นโครงการขนาดใหญ่ และยังมีงานที่อยู่ระหว่างรอประมูลเพิ่มเติมอีก คาดจะเห็นความชัดเจนในการรับงานใหม่เพิ่มขึ้นในช่วงต่อจากนี้ รวมทั้ง การศึกษาโอกาสการเติบโตในทุกรูปแบบ