นางนลินี งามเศรษฐมาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไอร่า แคปปิตอล (AIRA) เปิดเผยว่า ผลกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 37 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แม้ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและธุรกิจ ซึ่งผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นนี้เป็นผลจากยุทธศาสตร์สร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทลูก พร้อมกับการดำเนินกลยุทธ์ผนึกกำลังในกลุ่มบริษัทเพื่อให้บริการแบบ One Stop service ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม
ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกนี้บริษัทมีรายได้รวม 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ 173 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16%, รายได้จากธุรกิจลีสซิ่ง ซึ่งมีรายได้ดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าซื้อและสัญญาเช่าเงินทุน 20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% , รายได้จากการให้เช่าและบริการ 47 ล้านบาท ประกอบด้วยรายได้ค่าเช่าจากสัญญาเช่าดำเนินงานของธุรกิจลีสซิ่ง 16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% และรายได้ที่เป็นค่าเช่าของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อีก 31 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่รับรู้ค่าเช่าพื้นที่เพียงล้านกว่าบาทเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากธุรกิจแฟคตอริ่ง อีก 53 ล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานของ บมจ.ไอร่าแอนด์ ไอฟุล ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับบริษัทสินเชื่อส่วนบุคคลในประเทศญี่ปุ่น มีการขยายตัวและสามารถทำกำไรได้ตามแผนงานที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปี ทั้งที่ตลาดสินเชื่อบุคคลมีแนวโน้มลดลงจากการระบาดของโควิด-19 โดยบริษัทมีการปรับกลยุทธ์การทำธุรกิจที่มุ่งพัฒนาบริการในรูปแบบดิจิทัลเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าผู้บริโภคยุคปัจจุบันที่มีพฤติกรรมการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์มากขึ้น พร้อมยกระดับมาตรฐานการให้บริการสู่ Moblie Platform อย่างเต็มรูปแบบ
อีกทั้งจากมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิดในการพักชำระหนี้และการปรับปรุงพอร์ตลูกหนี้ ทำให้ยอดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลดลง และปี 64 ก็ยังมีแนวโน้มลดลงไปอีก เนื่องจากบริษัทมีการทบทวนการประเมินคะแนนเครดิตที่พิจารณาจากประวัติการชำระหนี้ ทำให้พอร์ตของลูกหนี้ที่ดีมีเพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบัน บมจ. ไอร่าแอนด์ไอฟุล มีฐานลูกค้าประมาณ 500,000 ราย โดยบริษัทยังคงมีศักยภาพในการขยายฐานลูกค้าในปี 64 เพิ่มมากขึ้นได้อีกจากฐานการเงินที่แข็งแกร่ง