นายสงกรานต์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ (CI) คาดปี 51 จะมียอดรับรู้รายได้เติบโต 15-20% จากปีนี้ที่คาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 900-1,000 ล้านบาท เนื่องจากในปีหน้าจะมีการรับรู้ยอดโอนจากโครงการที่เปิดในปีนี้ ได้แก่ โครงการชานทะเล , ลาดพร้าว 42 เป็นต้น รวมทั้งจะมีรายได้จากค่าเช่าเข้ามาด้วย
ทั้งนี้ ในไตรมาส 4/50 จะมียอดโอนเข้ามามากประมาณ 400-500 ล้านบาท จากโครงการบ้านอิสสระ และ โครงการศรีพันวา เฟส 1-2
"ในปีหน้า คงจะเห็นตัวเลขยอดรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้น เพราะโครงการส่วนใหญ่จะโอนในปีหน้า และยิ่งสถานการณ์ทางการเมืองดีขึ้น ก็จะกระตุ้นให้ผู้บริโภคกลับเข้ามา และมีกำลังซื้อ ซึ่งคนก็เริ่มสนใจหาซื้อบ้านในต่างจังหวัดมากขึ้นเพื่อไว้เป็นที่พักตากอากาศ" นายสงกรานต์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทยังได้มองหาที่ดินใหม่บริเวณ หัวหิน-ชะอำ และภูเก็ต เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการเพิ่มเติม คาดว่าจะใช้งบลงทุนในการซื้อที่ดินประมาณ 400-500 ล้านบาท และคาดว่าในปีหน้าจะเริ่มโครงการในหัวหิน-ชะอำ เป็นโครงการโรงแรมและคอนโดมิเนียม นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจซื้อที่ดินในจ.กระบี่ และ สมุย ที่จะนำมาพัฒนาเป็นโครงการโรงแรม และ คอนโดมิเนียมด้วย
นายสงกรานต์ กล่าวว่า ภายใน 2-3 ปีข้างหน้าบริษัทจะปรับสัดส่วนรายได้ของบริษัท โดยจะมีรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% ส่วนรายได้หลักจากการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ก็จะปรับลดมาที่ 75% จาก 90%ในปัจจุบัน เพราะบริษัทต้องการสร้างรายได้ที่มั่นคงเพิ่มขึ้น
ส่วนการขยายกองทุนอสังหาริมทรัพย์บางกอก (BKKCP) กำลังพิจารณาที่จะขยายขนาดกองทุนเพิ่มเป็น 1.5-2 พันล้านบาทจากเดิมมีขนาด 1 พันล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับบลจ.วรรณ โดยเบื้องต้นอาจนำอาคารสำนักงานเข้ามาเป็นสินทรัพย์ในกองทุนเพิ่มเติม พร้อมทั้งคาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ในต้นปี 51 ทั้งนี้ ปัจจุบัน กองทุนอสังหาริมทรัพย์ BKKCP ให้ผลตอบแทน 7%ต่อปี
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--