(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นเกาหลีใต้: พิษดาวโจนส์ร่วง ถ่วงคอมโพสิตปิดทรุด 66.29 จุด

          ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดร่วงลงอย่างหนักในวันนี้(22 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่เทขายหุ้น หลังจากที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทรุดตัวลงเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา จนทำให้ดัชนีดำดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 4 สัปดาห์ 
         เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดทรุดตัวลง 2.6% จากแรงกดดันด้านราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ประกอบกับรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชนที่ซบเซา และความหวั่นวิตกเกี่ยวกับปัญหาสินเชื่อที่เกิดขึ้นระลอกใหม่
          ในวันนี้ นักลงทุนแห่เทขายหุ้นตลอดการซื้อขายในระหว่างวันตามการปิดร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วภูมิภาค แต่ตลาดยังยังเคลื่อนไหวกระเตื้องขึ้นจากแรงซื้อทำกำไรที่ส่งเข้ามาประปรายก่อนที่ตลาดจะปิดทำการ
          สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีคอมโพสิตปิดร่วงลง 66.29 จุด หรือ 3.4% แตะระดับ 1,903.81 จุด หลังจากเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ 1,875.23 - 1,910.19 จุด โดยดัชนีวันนี้ปิดร่วงลงต่ำสุด หลังจากที่เคยปิดลบที่ 1,902.65 จุด เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา
          ลี กวัง-ซู นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์แดวูเปิดเผยว่า การปิดร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์กได้ส่งอิทธิพลต่อตลาดหุ้นทั่วภูมิภาคเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นเกาหลีใต้ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดอีกแห่งหนึ่ง เนื่องจากตลาดเพิ่งจะเคลื่อนไหวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อช่วงที่ผ่านมา
          นอกจากนี้ นายลีคาดการณ์ว่า ตลาดอาจมีการดีดตัวขึ้นทางเทคนิคในวันพรุ่งนี้ แต่จะเป็นไปในลักษณะ short-lived ก่อนหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะประชุมกันในวันที่ 30-31 ต.ค.นี้
          นายลีกล่าวว่า หุ้นกลุ่มต่อเรือ ผู้ผลิตเหล็ก และหุ้นกลุ่มขนส่งยังคงมีปัจจัยที่ผันผวนต่อมูลค่าที่น่าดึงดูดใจนักลงทุนในขณะนี้
          โดยหุ้นกลุ่มบริษัทสินค้าที่ส่งออกไปยังตลาดสหรัฐส่วนใหญ่ปิดร่วงลงในวันนี้ ซึ่งนำโดยซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ที่ปิดร่วงลง 3.3% และหุ้นฮุนได มอเตอร์ปิดลบ 1.5%
          ด้านหุ้นในกลุ่มธนาคารอย่างหุ้นกุ๊กมินปิดขยับลง 1.2% และหุ้นชินฮานปิดดิ่งลง 4.6%
          ขณะที่หุ้นกลุ่มโบรกเกอร์ร่วงลงต่ำสุด โดยหุ้นซัมซุง ซิเคียวริตี้ปิดทรุดลง 6.8% และหุ้นแดวู ซีเคียวริตี้ปิดรูดลง 4.4%
          นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานยังปิดอ่อนตัวลงจากแรงเทขายทำกำไร ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยด้านราคาน้ำมันที่พุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหุ้นเอสเค เอ็นเนอร์จีย์ปิดร่วงลง 2.1% ขณะที่หุ้นแอลจี คอร์ป ซึ่งเพิ่งจะประกาศแผนการทำธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ก็ปิดร่วงลง 5.0%