นายณัฐพล นพรัตน์วงศ์ ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจาเพื่อที่จะเข้าร่วมลงทุนในภูมิภาคที่มีโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาและเจรจาในบริษัทผู้ผลิตโอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่จะเป็นการต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มต่างๆ โดยคาดว่าจะเห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อนำเสนอให้กับลูกค้าในปีนี้และปีถัดๆ ไป
ขณะที่ทิศทางราคาน้ำมันดิบในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะอยู่ใกล้เคียง 65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยความต้องการใช้น้ำมันในช่วงที่เหลือของปีนี้มีแนวโน้มที่จะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 3/64 อัตราการฉีดวัคซีนจะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้วที่คาดว่าจะมีอัตราส่วนการฉีดวัคซีนอยู่ที่ 50-75% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ซึ่งจะช่วยให้อัตราการติดเชื้อรายวันในหลายๆประเทศปรับตัวลดลง จะส่งผลให้มีการเดินทางกันมากขึ้น และหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการใช้นำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ กลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก (OPEC) และกลุ่มนอกโอเปก (non-OPEC) ลดกำลังการผลิตไปค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา และจะค่อยๆปรับขึ้นในช่วงไตรมาส 2/64 ซึ่งช่วยให้เกิดความสมดุลระหว่างความต้องการใช้ และปริมาณน้ำมันที่ผลิตออกมา โดยคาดว่าความร่วมมือนี้จะอยู่ไปตลอดทั้งปี
ในส่วนของค่าการกลั่น (GRM) ฟื้นตัวมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี 63 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันอยู่ที่ 2.7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1/64 เฉลี่ยอยู่ที่ 0.7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็นผลมาจากความต้องการใช้น้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะในส่วนของเบนซิน และดีเซล ในขณะเดียวกันสต๊อกน้ำมันทั่วโลกต่ำลงด้วย และสหรัฐเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนที่มีการขับขี่ค่อนข้างมาก