นางสาวดวงใจ แก้วบุตตา กรรมการผู้จัดการบริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/64 บริษัทและบริษัทย่อยมีผลกำไรรวมสุทธิ 1,422.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 321.55 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29.22% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 1,100.62 ล้านบาท และมีรายได้รวม 2,806 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,786 ล้านบาท โดยมีรายได้อื่น 905.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 205.68 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29.40% เทียบกับรายได้อื่นงวดเดียวกันของปีก่อน 699.67 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง เนื่องจากบริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนประเภทของเงินลงทุนในบริษัทย่อย บริษัท เงินสดทันใจ จำกัดเป็นบริษัทร่วม
ทั้งนี้จากการปรับเปลี่ยนประเภทของเงินลงทุนในบริษัทย่อย บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด เป็นบริษัทร่วม มีผลทำให้จำนวนพอร์ตลูกหนี้ลดลงจาก 42,266 ล้านบาท เหลือ 34,755 ล้านบาท บาท เนื่องจากบริษัทไม่ได้นำลูกหนี้ที่อยู่ในบริษัทร่วม บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด มารวมแสดงอยู่ในงบการเงินรวมของบริษัท
"ผลงานไตรมาสแรกเกินเป้าหมาย สามารถทำกำไรสุทธิโตกว่า 29 % แม้จะมีการลดดอกเบี้ยเพื่อดูแลลูกค้าในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แต่บริษัทก็มีรายได้อื่นๆ และค่าบริการที่เพิ่มขึ้นมาชดเชยได้ นอกจากนี้กลุ่มศรีสวัสดิ์ยังมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 916.37 ล้านบาท ลดลงกว่า 78.66 ล้านบาทหรือลดลง 7.91% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 995.03 ล้านบาท"นางสาวดวงใจ กล่าว
สำหรับตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของบริษัทสิ้นสุดไตรมาส 1/64 อยู่ที่ระดับ 4.22% ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเอ็นพีแอลอยู่ที่ระดับ 4.99%
อย่างไรก็ตามแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 64 บริษัทคาดว่ารายได้และพอร์ตลูกหนี้จะเติบโต 20% รวมทั้งประมาณการว่ากำไรจะเติบโตอย่างน้อย 20% โดยปีนี้กลุ่มศรีสวัสดิ์มีความพร้อมสูงในการแข่งขันทุกรูปแบบ เพราะช่วงที่ผ่านมามีการปรับโครงสร้างธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ขณะที่รายได้จากค่านายหน้าขายประกัน (โบรกเกอร์) ก็มีแนวโน้มการเติบโตในอัตราที่สูง