นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ชโย กรุ๊ป (CHAYO) เปิดเผยว่า ล่าสุดบริหารสินทรัพย์ ชโย เจวี จำกัด (CHAYO JV) ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และปัจจุบันอยู่ระหว่างการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 55 ล้านบาท เป็น 1,800 ล้านบาท พร้อมกับอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ลงทุนที่จะเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 45% คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือน มิ.ย. นี้ ก่อนที่จะเปิดดำเนินการได้ในช่วงต้นไตรมาส 3/64
สำหรับทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/64 คาดว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1/64 ที่บริษัทมีรายได้ 176.44 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 64.91 ซึ่งการเพิ่มขึ้นของรายได้ส่วนใหญ่ยังคงมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพ
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเพิ่มเติมต่อเนื่องตลอดทั้งปีนี้ หลังจากซื้อหนี้เข้ามาได้แล้วในช่วงไตรมาส 1/64 มูลค่า 1,688 ล้านบาท ด้วยงบลงทุนราว 100 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีบริษัทได้เตรียมเงินทุนไว้กว่า 1,100 ล้านบาท เพื่อซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันทางการเงินและอื่นๆ มากกว่า 22 กองหนี้ และมีจดหมายเชิญเข้าร่วมประมูลอีก 8 กอง มูลค่ารวมกว่า 60,000 ล้านบาท
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นเป็นระลอกที่สามนี้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโดยรวมอย่างมาก แม้ว่าภาครัฐจะมีการออกมาตรการเข้ามาช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือลูกหนี้ทุกรายได้ เบื้องต้นคาดการณ์ว่าหนี้สงสัยจะสูญ (NPL) ในระบบมีแนวโน้มจะขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 3% คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 5.6-6.4 แสนล้านบาท ทำให้บริษัทคาดว่าทางสถาบันการเงินจะทยอยขายหนี้ออกมาเพิ่มมากขึ้นในปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะขายสินทรัพย์ที่มีหลักประกัน NPA แปลงใหญ่อย่างน้อย 1 แปลง คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท ปัจจุบันมีผู้ประกอบการทั้งบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และบริษัทนอกตลาดให้ความสนใจที่จะซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/64 นี้
ด้านธุรกิจปล่อยสินเชื่อในปี 2564 บริษัทวางเป้ายอดปล่อยสินเชื่อใหม่ไว้ที่ 150-200 ล้านบาท จากปีก่อนที่ปล่อยราว 50 - 60 ล้านบาท แต่ด้วยด้วยสภาวะทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้บริษัทยังคงระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดหนี้สงสัยจะสูญ (NPL) ขณะที่ NPL ปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับต่ำมีเพียงไม่กี่แสนบาทเท่านั้น