นางพจนารถ ปริญภัทร์ภากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทานตะวันอุตสาหกรรม (THIP) เปิดเผยว่าแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2/64 คาดยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากตลาดบรรจุภัณฑ์ โดยบริษัทได้ขยายกำลังการผลิตเพิ่มเพื่อรองรับดีมานด์จากลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงการทำตลาดลูกค้าใหม่ เพื่อเอื้อให้ธุรกิจเติบโตในระยะยาว พร้อมเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ SUN ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในงวดไตรมาส 1/64 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 81.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.8% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 71.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.02 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2563 ที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.89 บาทต่อหุ้น
ขณะที่รายได้รวมจากการขายอยู่ที่ 816.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.9% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมจากการขาย 749.3 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นคิดเป็น 21.8% ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 22.8% เป็นผลจากราคาวัตถุดิบหลักที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 63 จนถึงปลายไตรมาส 1/64 ส่งผลให้ต้นทุนขายสูงขึ้น 59.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10.2%
บริษัทสามารถรักษาการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง ทำให้สามารถลดต้นทุนอย่างยั่งยืน ซึ่งเริ่มเห็นผลชัดเจนตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงต้นปี 64 นี้ จึงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลดลงเพียง 0.9% และยังคงความสามารถในการทำอัตรากำไรสุทธิเติบโตขึ้นอยู่ที่เกือบ 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน 9.5%
"ยอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้น จากการขยายฐานลูกค้า บวกกับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคโควิด ส่งผลให้ความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัท เติบโตถึง 12.5% ขณะที่รายได้จากผลิตภัณฑ์อื่น ประกอบด้วย ใยขัดผิว ฟิล์มห่ออาหาร กลุ่มเม็ดหลอมและเศษพลาสติก และผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยกลุ่มนี้มีการเติบโตจากฟิล์มห่ออาหาร ซึ่งเป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่บริษัทกำลังทำการตลาด ซึ่งการสร้างแบรนด์ยังคงเป็นกลยุทธ์สำคัญของบริษัท" นางพจนารถ กล่าว