นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) (FPT) กล่าวว่า บริษัทได้ลงทุนจัดหาที่ดินเพื่อพัฒนาเป็นเขตอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์พาร์คในพื้นที่เมืองบินห์เดือง ประเทศเวียดนาม โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 1,435 ล้านบาท เพื่อซื้อสิทธิในที่ดินเกือบ 300 ไร่ มีอายุสัญญาเช่า 26 ปี สามารถพัฒนาเป็นพื้นที่เช่าถึง 2 แสนตารางเมตร ซึ่งการพัฒนาเฟสแรกคาดว่าจะเริ่มดำเนินการและเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงกลางปี 65
ส่วนงบลงทุนรวมในปี 64 บริษัทเตรียมวางแผนไว้ทั้งหมด 15,000-16,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการซื้อที่ดินและก่อสร้างที่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ส่วนการพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรมวางงบการลงทุนที่ 3-4 พันล้านบาท นอกจากนี้เป็นการลงทุนในพื้นที่เชิงพาณิชย์ อีกประมาณ 1-2 พันล้านบาท
สำหรัลการพัฒนาโครงการใหม่ปี 64 บริษัทคาดว่าจะมีการส่งมอบพื้นที่เช่าสวนอุตสาหกรรม และโลจิสติกส์ ประมาณ 1 แสนตารางเมตร โดยมีโครงการที่ส่งมอบแล้วคือศูนย์กระจายสินค้า จังหวัดสมุทรปราการ นอกจากนี้เดือนที่ผ่านมาได้สร้างศูนย์โลจิสติกส์ที่จังหวัดขอนแก่น ส่วนโครงการอื่นที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจะทยอยส่งมอบ เช่น โครงการศูนย์กระจายสินค้าอัจฉริยะ จังหวัดอยุธยา 2 แห่ง เป็นต้น
ด้านธุรกิจ "เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม" ที่อยู่อาศัยแนวราบมีดีมาด์เพิ่มขึ้น จากการ Work From Home และ Learn From Home คนจึงต้องการอยู่อาศัยในบ้านที่กว้างขึ้น โดยงวดไตรมาส 2/64 มียอดขายเติบโตมาที่ 8,255 ล้านบาท และมียอดโอน 3,163 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 4% อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีความท้าทายเรื่องสินเชื่อบ้าน แต่เนื่องจากดีมานด์สูงบริษัทจึงทำการเปิดโครงการเพิ่มต่อไป
ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา 65 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 79,000 ล้านบาท จากการเร่งการเปิดตัวโครงการใหม่ ส่งผลให้มียอดรีเซลของไตรมาส 2/64 (มกราคม-มีนาคม) อยู่ที่ 8,255 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 24%
ในปีนี้บริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 18 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 22,500 ล้านบาท โดยในงวดไตรมาส 1/64 (ตุลาคม-ธันวาคม) ที่ผ่านมามีการเปิดตัวโครงการทั้งหมด 6 โครงการมูลค่ารวม 7 พันล้านบาท และไตรมาส 2/64 (มกราคม-มีนาคม) ที่ผ่านมามีการเปิดโครงการอีก 5 โครงการ
ส่วนธุรกิจ "เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล" เป็นกลุ่มที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอจากค่าเช่า และค่าใช้บริการ โดยมีอัตราผู้เช่าโรงงานและคลังสินค้ารวม 82% จากการขาดแคลนตู้คอนเทรนเนอร์ จึงได้รับอานิสงค์ในการขยายตัวของ E-commerce ประกอบกับมีความต้องการ Warehouse ที่เพิ่มขึ้นด้วย
ด้านความคืบหน้าในการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ (FTREIT) ได้ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดย FTREIT ได้เข้าลงทุนในสินทรัพย์ในกลุ่ม FPT มูลค่ารวม 5,600 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้บันทึกกำไรจากการขายทรัพย์เป็น 3 ล็อต คือในไตรมาส 4/63 (ก.ค.-ก.ย.) รับรู้ไปแล้ว 1,321 ล้านบาท, ในงวดไตรมาส 1/64 (ต.ค.-ธ.ค.63) รับรู้ไปแล้ว 266.7 ล้านบาท จากการขายอาคารโรงงาน 6 ยูนิต และในงวดไตรมาส 2/64 (ม.ค.-มี.ค.64) ที่ผ่านมารับรู้อีก 227 ล้านบาท
ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจ "เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล" ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ในส่วนของ Retail อย่างสามย่านมิตรทาวน์ ในงวดไตรมาส 1/64 มีจำนวนผู้เข้าใช้ลริการลดน้อยลงอยู่ที่ 37,000 คน เช่นเดียวกับกลุ่มโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยว โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยเพียง 24% เท่านั้น
ขณะที่อาคารสำนักงาน ยังมีดีมานด์การเช่าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทวางกลยุทธ์รักษาฐานผู้เช่าปัจจุบัน รวมถึงมีมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยอัตราการเช่ารวมทรงตัวที่ 91% อย่างไรก็ตามหากมีการกระจายการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง ประกอบกับมีมาตรการผ่อนคลายเปิดประเทศธุรกิจต่างๆ ก็จะกลับมาดีขึ้น
"ในงวดครึ่งปีหลังของปี 64 (เม.ย.-ก.ย.) บริษัทได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 อย่างไรก็ตามเนื่องจากบริษัทมีความหลากหลายในการทำธุรกิจ จึงมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี จึงคาดว่าผลการดำเนินงานของครึ่งปีหลังจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกของปี 64 ที่ผ่านมา"
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2/64 (มกราคม-มีนาคม) ภาพรวมบริษัทสามารถทำกำไรได้ที่ 516 ล้านบาท โดยบริษัทสามารถดำเนินงานได้ตามแผนที่วางไว้ ถึงแม้จะมีเจอปัจจัยกระทบอย่างสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 และตัวเลขประมาณการณ์เศรษฐกิจที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 2%