(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัวอิงทางลงตามหุ้นตปท.-แรงขายต่างชาติกดดัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 19, 2021 09:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวอิงทางลงตามตลาดหุ้นสหรัฐและเอเชียปรับฐานยังกังวลอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งต่างชาติยังขายต่อเนื่องหลัง MSCI ปรับลดน้ำหนักหุ้นไทย และคาด FTSE จะปรับลดน้ำหนักทิศทางเดียวกัน แต่ยังหวังแรงซื้อฝั่งกองทุนรวมรับเม็ดเงินใหม่ ประกอบกับราคาน้ำมันปรับลงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน แนะจับตารายงานการประชุมเฟด และ ธปท.ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจ ให้แนวรับ 1,560 จุด ถัดไป 1,554 จุด แนวต้านที่ 1,570 จุด ต้านถัดไป 1,578 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้เคลื่อนไหวแกว่ง sideway อิงทางลงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ปรับฐาน บ้านเราก็คาดรับผลกระทบในเชิงลบ หลังตลาดหุ้นทั่วโลกยังกังวลอัตราเงินเฟ้อและตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ

นอกจากนี้ก็ยังมีแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง วานนี้ขายออกมาอีก 1,795 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.ขายออกไปแล้ว 21,300 ล้านบาท และตั้งแต่ต้นปี 64 หรือ 5 เดือน (YTD) ขายออกแล้ว 54,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ เป็นผลจาก MSCI ปรับลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยที่จะมีผลวันที่ 27 พ.ค.64 เป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทย และหุ้นขนาดใหญ่ โดยรอบนี้ปรับลดน้ำหนัก 35 ตัว เพิ่มน้ำหนัก 5 ตัว และ FTSE จะประกาศน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นไทยในวันที่ 21 พ.ค.นี้ คาดว่าน่าจะปรับลดในทิศทางเดียวกับ MSCI ที่ปรับลดน้ำหนักลงมาก 5 อันดับแรก คือ PTT, KBANK, INTUCH, CPN ,SCC

โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา MSCI และ FTSE ปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยต่อเนื่อง ปีละ 2 รอบ ในเดือน พ.ค.และ พ.ย. โดยMSCI ปรับลดน้ำหนักจาก 7-8% จนเหลือประมาณ 1.5% ทำให้มีแรงขายในเดือน พ.ค.และเดือน พ.ย.ออกมามาก

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงหลังจากการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐกับอิหร่านคืบหน้า ก็อาจจะกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน อาจมีแรงขายออกมา

ขณะที่นักลงทุนสถาบัน หรือกองทุนรวมไม่ได้ขายต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ต้นปี 64 ขายออก 46,000 ล้านบาท และเริ่มเห็นทยอยเข้าซื้อ เพราะกองทุนรวมจะมีเม็ดเงินใหม่เข้ามา โดยเฉพาะกองทุนที่หักลดหย่อนภาษี ซึ่งทำให้ถือเงินสดมากพอสมควร จึงเชื่อว่าจะมีเงินมารองรับการลงทุนในตลาดหุ้นส่วนหนึ่ง โดยในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมาตลาดแกว่งในกรอบ 1,550- 1,600 จุด ซึ่งกองทุนมีแรงรับบริเวณ 1,550 จุด

นอกจากนี้ให้จับตารายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีความเห็นต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย และอัตราเงินเฟ้อ และธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจ ส่วนจำนวนผู้ตืดเชื้อโควิด-19 ลดลงเรื่อยๆ หากต่ำกว่า 1,000 คน/วัน ก็จะทำให้นักลงทุนหันกลับมาเล่นหุ้น Domestic

พร้อมให้แนวรับที่ 1,560 จุด รับถัดไป 1,554 จุด แนวต้านให้ไว้ที่ 1,570 จุด ต้านถัดไป 1,578 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,060.66 จุด ลดลง 267.13 จุด (-0.78%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,127.83 จุด ลดลง 35.46 จุด (-0.85%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,303.64 จุด ลดลง 75.41 จุด หรือ (-0.56%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.90 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 375.62 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดทำการ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติของพระพุทธเจ้า
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 พ.ค.) 1,566.80 จุด เพิ่มขึ้น 17.64 จุด (+1.14%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,795.15 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 พ.ค.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 พ.ค.) ปิด 65.49 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 78 เซนต์ หรือ 1.2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 พ.ค.) อยู่ที่ 1.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.39 แข็งค่าจากวานนี้ หลังดอลลาร์อ่อนค่า คาดกรอบวันนี้ 31.35-31.50
  • ครม.อนุมัติ พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่ม 7 แสนล้านบาท รับมือโควิดระลอกใหม่ ดูแล 3 ด้าน "สาธารณสุข-เยียวยา-ฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคม" ใช้เยียวยาสูงสุด 4 แสนล้านบาท ดันหนี้สาธารณะแตะ 58.5% คลัง ชี้แหล่งเงินมีข้อจำกัดจำเป็นต้องกู้เพิ่ม ด้านนายกฯ หัก "อนุทิน" กลางครม. ล้มแผนวอล์คอินฉีดวัคซีน หวั่นประชาชนทะลักเสี่ยงแพร่เชื้อ ระดมฉีดทั่วกรุงตั้งเป้า 5 ล้านคน หวังสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ภายใน 2 เดือน
  • "หมอบุญ" ทำนายได้เห็นวิกฤติหนักโรงพยาบาลรับไม่ไหวหลังตัวเลขผู้ป่วยโควิดและไอซียูเพิ่มเป็นเท่าตัว แนะเร่งตรวจเชิงรุกและฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดป้องกันเกิดระลอก 4 -5 และไวรัสกลายพันธุ์สัญญาติไทย ยิ่งรักษายากและติดง่าย ตายเร็วเหมือนอินเดีย
  • ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย ส.อ.ท., สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคารไทย เพื่อติดตามภาวะเศรษฐกิจและเสนอความคิดเห็นต่อรัฐบาล หารือใน 2 วาระสำคัญ คือ ความคืบหน้าตั้ง 4 ทีม เพื่อสนับสนุนภาครัฐบริหารวัคซีนให้คนไทย โดย ส.อ.ท.เดินหน้าความร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัด กระทรวงอุตสาหกรรม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ผลักดันการฉีดวัคซีนให้กับแรงงานในภาคอุตสาหกรรมทั่วประเทศ นอกจากนั้นยังมีแนวโน้มปรับลดอัตราเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) ปีนี้ลงอีก จากที่ได้ปรับลดเหลือเติบโต 1.5-3.0%
  • รับเหมากระอัก ราคาเหล็กพุ่ง 50-80% กระทบต้นทุนค่าก่อสร้างรัฐ โครงการขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ รถไฟทางคู่ ไฮสปีดไทย-จีนที่มีสัญญากับภาครัฐ จี้นายกฯเร่งแก้ปัญหา ชง 5 ข้อเสนอ ยกเลิกค่า K ชั่วคราว เป็นเวลา 2 ปี หวั่นผู้ประกอบการแบกรับภาระไม่ได้เกิดการทิ้งงาน ต้องลอยแพลูกจ้าง 3 ล้านคน
*หุ้นเด่นวันนี้
  • JWD (คันทรี่กรุ๊ป) "ซื้อ" เป้า 14.50 บาท คาดกำไรใน Q2/64 จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จาก การรับรู้รายได้จาก VNS transport และ JWD กัมพูชา การเติบโตต่อเนื่องในธุรกิจคลังสินค้า และการบริหารท่าเรือ barge ในระยะ 5 ปีข้างหน้า บริษัทคงมีแผนการขยายธุรกิจต่อเนื่อง โดยเราคาดจะการสร้างคลังใหม่อีกอย่างน้อย 2 แห่ง และรับรู้รายได้ในปี 2022
  • SAPPE (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" เป้า 36 บาท คาดกำไร Bottom แล้วใน Q1/64 และจะฟื้นตัวใน Q2/64 เป็นต้นไปโดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ รวมถึงยังได้แรงหนุนจากการออกสินค้าใหม่เครื่องดื่มเทอร์ปีนช่วงปลายไตรมาส แนวโน้ม 3Q21 ยังสดใสโดยจะมีเครื่องดื่มใหม่ออกสู่ตลาดอีก 1 ตัว และเริ่มเดินหน้าธุรกิจกัญชงกับพันธมิตร Thai Hemp Wellness ส่วนด้าน Valuation ยังถูกมากเทรด PE เพียง 15 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มอย่างมีนัย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ