ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) จากแรงขายที่ส่งเข้าฉุดหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ที่ร่วงลงหลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดร่วงลง 30.2 จุด แตะระดับ 6,614.3 จุด หลังจากเคลื่อนตัว ในช่วง 6,596.3-6,644.5 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 2.73 พันล้านหุ้น
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนซบเซาลง หลังจากประธานเฟดเตือนว่า การทรุดตัวลงของตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจฉุดเศรษฐกิจของสหรัฐให้ชะลอตัวลง นอกจากนี้ นายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐกล่าวในทำนองเดียวกันว่า วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้มาตรการทุกด้านที่จำเป็นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดิ่งลง โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ปรับตัวลง 86 เพนซ์ ปิดที่ 3,320 เพนซ์ หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ ประกาศลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงสู่ระดับ 'equal-weight' จากระดับ 'overweight' ขณะที่หุ้นอันโตฟากัสตา ร่วงลง 24 เพนซ์ ปิดที่ 829 เพนซ์ หลังจากถูกปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนสู่ระดับ 'underweight' จากระดับ 'equal-weight'
ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเหมืองแร่นั้น หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ขยับลง 6 เพนซ์ ปิดที่ 1,823 เพนซ์ หุ้นเวดันตา รีซอสเซส ดิ่งลง 42 เพนซ์ ปิดที่ 2,165 เพนซ์ และหุ้นลอนมินรูดลง 47 เพนซ์ ปิดที่ 3,578 เพนซ์
การร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารส่งผลให้ดัชนี FTSE 100 ร่วงลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยหุ้นธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ดิ่งลง 2.3% ขณะที่หุ้นธนาคารบาร์เคลย์สร่วงลง 1.8%
ส่วนหุ้นธนาคารลอยด์ส ทีเอสบีร่วงลง 2 % หลังจากมีข่าวว่าอัยการสหรัฐได้ยื่นฟ้องคดีแพ่งข้อหาฟอกเงินต่อธนาคารลอยด์ส ทีเอสบี และธนาคารแบงก์ ออฟ ไซปรัส โดยกล่าวหาว่าธนาคารสองแห่งฟอกเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ที่มาจากการฉ้อโกงหลักทรัพย์
อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันช่วยหนุนหุ้นกลุ่มบริษัทน้ำมันดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นบีพีทะยานขึ้น 0.7% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์พุ่งขึ้น 1.5% และหุ้นบริษัทบีจี กรุ๊ปซึ่งเป็นผู้ผลิตก๊าซปรับตัวขึ้น 2.1%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--