นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ในเครือ บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าผลงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 64 จะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรกของปี 64 จากการที่บริษัทจะทยอยโอนโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่สร้างเสร็จให้กับลูกค้า ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้เริ่มทยอยติดตามความพร้อมของลูกค้าแล้ว โดยพบว่ามีลูกค้าพร้อมรับโอนตั้งแต่ไตรมาส 3/64 ราว 4-5 พันล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่จะรับรู้เข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังกว่า 1 หมื่ล้านบาท จาก Backlog ทั้งหมดที่มี 2.19 หมื่นล้านบาท
ขณะเดียวกัน ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากการให้บริการของโรงพยาบาลวิมุติเข้ามาเสริม หลังจากเพิ่งเปิดให้บริการไปในช่วงปลายเดือน มี.ค. 64 ซึ่งในช่วงแรกจะเน้นไปที่การให้บริการช่วยเหลือภาครัฐเกี่ยวกับการตรวจ รักษา และการฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นหลัก จึงยังไม่มีรายได้จากบริการอื่นเข้ามามากนัก แต่ช่วงครึ่งปีหลังจะเปิดให้บริการรักษาพยาบาลมากขึ้น คาดว่าจะมีรายได้จากโรงพยาบาลวิมุติเข้ามาในปีนี้ราว 200 ล้านบาท
นายปิยะ กล่าวว่า แม้ปัจจุบันยังมีการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบ 3 ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นบ้าง แต่ถือว่าคนเริ่มปรับตัวกับสถานการณ์ได้บ้างแล้ว รวมถึงบริษัทก็มีความพร้อมรับมือและมองหาโอกาสในการทำธุกิจ เพื่อสร้างผลงานให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เห็นได้จากการปรับกลยุทธ์ด้วยการทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นเพื่อให้เข้าถึงลูกคาได้เร็ว รวมทั้งปรับการพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และจับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อมากขึ้นเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ
การพัฒนาสินค้าในขณะนี้จะเน้นจับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บนที่มีรายได้ประจำมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดแนวราบ ซึ่งยังมีความต้องการซื้ออย่างมาก และเป็นกลุ่มสินค้าที่ให้มาร์จิ้นสูง ทำให้บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรได้เพิ่มขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเปิดขายโครงการแนวราบใหม่อย่างต่อเนื่อง 8 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5 พันล้านบาท แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 2 โครงการ และทาวน์เฮ้าส์ 6 โครงการ เชื่อว่าจะช่วยผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นในช่วงครึ่งปีหลังฟื้นกลับมาตามเป้าหมายที่ 29-30% หลังจากไตรมาส 1/64 ลดลงไปเหลือ 26.7%
บริษัทจะยังไม่เน้นเปิดโครงการคอนโดมิเนียมมากนักในปีนี้ เนื่องจากยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวค่อนข้างมา และปริมาณซัพพลายในตลาดที่ยังมีมาก ประกอบกับกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติยังไม่สามารถเข้ามาซื้อได้ แต่บริษัทมองว่าหากโควิด-19 คลี่คลายลงไปชัดเจน ตลาดคอนโดมิเนียมจะมีโอกาสฟื้นกลับมาอีกครั้ง เนื่องจากยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยใกล้กับที่ทำงานและเดินทางสะดวก ซึ่งจะเป็นปัจจัยช่วยผลักดันตลาดคอนโดมิเนียมให้กลับมาหลังโควิด-19 ผ่านพ้นไป
ขณะนี้บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายทั้งปี 64 ไว้ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 2.19 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 45% ส่วนรายได้คาดว่าจะทำได้ 3.2 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้ 2.92 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 9% และมีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 29 โครงการ