(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก:ดาวโจนส์ปิดลบ 3.33 จุดหลังราคาน้ำมันพุ่งเหนือ 90$

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 26, 2007 06:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (25 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อและราคาน้ำมันดิบที่ปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งนี้ แม้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่ายอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.8% ก็ตาม
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 3.33 จุด หรือ 0.02% แตะระดับ 13,671.92 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 1.48 จุด หรือ 0.10% แตะระดับ 1,514.40 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 23.90 จุด หรือ 0.86% แตะระดับ 2,750.86 จุด
ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.62 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 17 ต่อ 16 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.79 พันล้านหุ้น
นายไมเคิล สตรอส นักวิเคราะห์จากบริษัทคอมมอนฟันด์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นนั้นตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 4.8% ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวลดลง แต่ต่อมาตลาดเริ่มถอยร่นลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง
"นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้น้ำหนักกับข้อมูลที่ว่า ตัวเลขการใช้จ่ายภาคเอกชนร่วงลง 1.7% ในเดือนก.ย. โดยในขณะนี้นักลงทุนในตลาดวอลล์สตรีทให้ความสนใจกับข้อมูลเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง เพื่อดูว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่ ในการประชุมสัปดาห์หน้านี้ อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้" นายสตรอสกล่าว
ก่อนหน้านี้ สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐในเดือนก.ย.2550 ร่วงลง 8% ซึ่งร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2542 ซึ่งส่งผลให้ราคาบ้านลดลงไปด้วย โดยยอดขายบ้านมือสองที่ร่วงลงในเดือนก.ย.นั้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยับลงเพียง 4.5%
ทั้งนี้ หุ้นโมโตโรลาปิดพุ่งขึ้น 4.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด
ขณะที่หุ้นบริษัทคอมแคสท์ คอร์ปซึ่งเป็นบริษัทเคเบิลทีวีที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ดิ่งลง 10.8% หลังจากบริษัทรายงานว่ากำไรสุทธิรายไตรมาสดิ่งลง 54% อีกทั้งยังสูญเสียลูกค้าในธุรกิจวิดีโอพื้นฐานมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ส่วนหุ้นอีเอ็มซีดีดขึ้น 8.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 77% เนื่องจากยอดขายซอฟแวร์และฮาร์ดแวร์ที่แข็งแกร่งเกินคาด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ