นายธนพร เตชวิวรรธน์ หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ และเลขานุการบริษัท บมจ.แพลน บี มีเดีย (PLANB) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปี 64 ไว้ที่ 5,000-5,400 ล้านบาท โดยเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์ต่างๆจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่มีการกระจายวัคซีนไวรัสโควิด-19 ที่ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนให้ประชาชนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านได้ปกติขึ้น เชื่อว่าจะช่วยหนุนให้ผลประกอบการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด
สำหรับรายได้ของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะมาจากสื่อโฆษณานอกบ้าน(Out Of home หรือ OOH) ประมาณ 4,800 ล้านบาท และรายได้จากกลุ่ม Engagement Marketing ประมาณ 880 ล้านบาท และมีเป้าหมายที่จะรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิไว้ในกรอบ 10-15%
บริษัทยังคงแผนการลงทุนเพื่อขยายพื้นที่โฆษณาอย่างต่อเนื่อง โดยวางงบลงทุนไว้ราว 700-1,000 ล้านบาท เน้นการลงทุนขยายจอ LED ตามสาขาของ 7-ELEVEN เป็นหลัก โดยปัจจุบันได้ติดตั้งไปแล้ว 1,050 สาขา และคาดว่าจะขยายได้ครบ 1,500 สาขาในต้นไตรมาส 3/64 และครบ 2,000 สาขาภายในปลายปี 64
นอกจากนี้ บริษัทจะมีการปรับปรุงป้ายสื่อ (Renovate) อาทิ การเปลี่ยนหน้าจอ และการเปลี่ยนหลอดไฟ เป็นต้น หลังจากที่บริษัทใช้งานมาเป็นระยะเวลาถึง 5 ปี แล้ว
ในส่วนของการการจัดตั้งบริษัทร่วมลงทุน (JV) กับ บมจ.อาร์เอส (RS) คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงไตรมาส 2/64 นี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะทำการตลาดและจัดจำหน่ายสินค้า
นายธนพร กล่าวถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่จะจัดการแข่งขันได้ในปีนี้ โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้จากบริหารลิขสิทธิ์ให้กับบริษัทราว 500-600 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 1/64 บริษัทรับรู้รายได้เข้ามาแล้ว 151 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้ส่วนที่เหลืออีก 350 ล้านบาทตั้งแต่ไตรมาส 2/64 จนกว่าการแข่งขันจะแล้วเสร็จ
อย่างไรก็ตามหากไม่สามารถจัดการแข่งขันได้ยืนยันว่าจะไม่มีผลกระทบต่อส่วนรายได้ที่รับรู้เข้ามาก่อนหน้านี้ แต่จะหยุดการรับรู้รายได้ในส่วนที่เหลือ และไม่มีผลกระทบกับค่าใช้จ่ายเนื่องจากค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็จะไม่มีเพิ่มเติมเช่นกัน