นายวันชัย เหลืองวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.อัคคีปราการ (AKP) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานตลอดปี 64 คาดว่าจะดีขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน โดยคาดว่าจะมีรายได้ 420 ล้านบาทตามเป้าหมายเติบโต 10-15% จากปีก่อน หลังจากใช้กลยุทธ์การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อให้บริการลูกค้า
ที่สำคัญคือการเปิดให้บริการ AKP Customer ให้ลูกค้าใช้คิวอาร์โค้ดเข้าระบบเพื่อดูข้อมูลการกำจัดขยะอุตสาหกรรมของตัวเองในแบบเรียลไทม์ทุกขั้นตอน ตั้งแต่วันเลือกใช้บริการ, การเข้ารับขยะเพื่อชั่งน้ำหนัก, การจัดเก็บขยะตามประเภท และการกำจัดขยะที่ถูกวิธี ซึ่งสามารถควบคุมการลักลอบทิ้งของเสียอุตสาหกรรมแล้วยังลดขั้นตอนนำส่งข้อมูลให้ลูกค้า ทำให้การจัดการสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งวางแผนลดต้นทุนพลังงานให้ได้ 30% โดยการบริหารจัดการการใช้ประโยชน์จากพลังงานความร้อนจากการกำจัดของเสียอุตสาหกรรม มาทดแทนการใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ ควบคู่ไปกับการขยายตลาดการให้บริการรับกำจัดน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมและสารเคมีเสื่อมสภาพ โดยเฉพาะสารเคมีภาคเกษตรกรรมที่ต้องกำจัดด้วยวิธีการเผาทำลายเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังรับรู้รายได้เพิ่มจากการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าเพื่อเพิ่มรายได้และกระจายความเสี่ยงในธุรกิจ ซึ่งเมื่อเดือน ม.ค.62 ทาง AKP ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของ บมจ.เอิร์ธเท็ค เอนไวรอนเมนท์ (ETC) จากผู้ถือหุ้นเดิมของ ETC จำนวน 799,676 หุ้น หรือ 9.75% ของทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้วของ ETC คิดเป็นมูลค่ารวม 193,713,514.24 บาท
ทั้งนี้ ETC เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงจากขยะ ในรูปแบบของผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) หรือมีขนาดต่ำกว่า 10 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมแก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งสูงสุดที่ขนาด 9.4 เมกะวัตต์ เพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตามสัญญาซื้อขายแบบ Non-Firm ในปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุด 8 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 20 ปี นับตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2560 ซึ่งเป็นวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date หรือ COD)
"ปีนี้ AKP คาดว่าจะมีรายได้ 420 ล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้ โตขึ้น 10-15% จากปีก่อน โดยเราได้พัฒนาระบบ AKP Customer เข้ามาสนับสนุนการทำงานให้ลูกค้าได้รับความรวดเร็วและสะดวกสบายในการบริหารจัดการทุกขั้นตอน ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนพลังงานที่ใช้ในการกำจัดของเสียอุตสาหกรรม บวกกับเรามีรายได้จากการลงทุนในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าเข้ามาตลอดทั้งปี ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ไม่ได้มีผลกระทบต่อ AKP อย่างมีนัยสำคัญใดๆ" นายวันชัย กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/64 บริษัทมีกำไรสุทธิ 14.35 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้น 0.036 บาท เพิ่มขึ้น 302.97% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 7.07 ล้านบาท และขาดทุนต่อหุ้น 0.018 บาท โดยมีรายได้ 101.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.40 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 87.93 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 15.24% ซึ่งมาจากปริมาณกากอุตสาหกรรมที่รับจำกัดเพิ่มขึ้นเป็น 18.27% โดยมีค่าบริการถัวเฉลี่ยต่อตันใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาหลังจากบริษัทฯ ได้ปรับแผนการตลาดและกลยุทธ์การแข่งขัน รวมทั้งยังมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม ซึ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าขนาดย่อมที่ทำให้รับรู้กำไรไตรมาส 1/64 จำนวน 3.18 ล้านบาท