นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) กล่าวว่า คงเป้าหมายดัชนี SET ปีนี้ที่ 1,600 จุด แม้ว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/64 จะออกมาโดดเด่น แต่ไทยยังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกใหม่ ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะกดดันให้กำไรในไตรมาส 2/64 ลดลงจากไตรมาส 1/64 (QoQ) แต่จะยังได้อานิสงส์จากฐานต่ำในปี 2563 จึงจะยังเห็นการฟื้นตัวได้ YoY หรือเทียบกับไตรมาส 2/63 ดังนั้นยังคงคาดการณ์กำไรรวมปีนี้ของบริษัทจดทะเบียนที่ 9.2 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น SET EPS ที่ 84 บาทต่อหุ้น และคงเป้าหมายดัชนีที่ 1,600 จุด อิงระดับ PE 19x (ค่าเฉลี่ย PE 5 ปี + 1.0 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน)
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีหลายบริษัทที่สามารถทำกำไรสุทธิในไตรมาส 1/64 ทำจุดสูงสุดใหม่รายไตรมาส หนุนราคาหุ้นปรับตัวขึ้น โดยเชื่อว่าหลายบริษัทยังมีศักยภาพของการเร่งตัวขึ้นของผลประกอบการได้ต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2/64 ดังนั้นหากมีจังหวะย่อแนะเป็นโอกาสในการทยอยสะสม ASK, BCH, MTC, IVL, WICE
ส่วนกำไรบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/64 เติบโต 129%YoY ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนประจำไตรมาสไตรมาส 1/64 โดยพบว่ามีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 2.65 แสนล้านบาท (+46%QoQ, +129%YoY) ถือเป็นไตรมาสที่กำไรรวมค่อนข้างโดดเด่น และบริษัทกว่า 80% รายงานกำไรออกมาดีกว่าที่ตลาดประเมินไว้
ทั้งนี้ กลุ่ม Global Play มีกำไรเติบโตเด่น โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำไรไตรมาส 1/64 เติบโตได้ดีทั้ง QoQ และ YoY นำโดย พลังงาน, ปิโตรเคมี, วัสดุก่อสร้าง, อสังหาริมทรัพย์, ไฟแนนซ์&หลักทรัพย์, เกษตรฯ, ประกัน, เหล็ก, บรรจุภัณฑ์, อิเล็กทรอนิกส์, ยานยนต์, รับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มสื่อ
ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังทำผลงานในช่วงไตรมาส 1/64 ไม่ดี (ลดลง QoQ, YoY หรือ ขาดทุน) ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว, ขนส่ง, ค้าปลีก, โรงพยาบาล และกองทุนอสังหาริมทรัพย์
MBKET ระบุว่าจะเห็นได้ชัดเจนว่ากลุ่มที่กำไรขยายตัวดีส่วนมากจะได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก (Global Play) )เช่น ภาคการส่งออก ในขณะที่ปัญหาโควิด-19 ยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic Play) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากต้องพึ่งพิงกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ