NVD รับโควิดพ่นพิษทำยอดขาย Q2/64 ตก คาดรับรู้ Backlog ทั้ง 1.69 พันลบ.ในปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 21, 2021 15:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจิรเดช นุตสถิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.เนอวานา ไดอิ (NVD) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/64 ได้รับแรงกดดันจากการระบาดโควิด-19 ระลอก 3 ที่ส่งผลให้ยอดผู้เยี่ยมชม (Walk)โครงการบ้าน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ช่วงสงกรานต์ในเดือนเมษายน และในเดือนพฤษภาคม ทำให้ยอดขายปรับลดตามไปด้วย ถึงแม้ยอดผู้เยี่ยมชมจะลดน้อยลง แต่บริษัทมองว่าลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมในช่วงสถานการณ์นี้เป็น Real Demand ทั้งนี้บริษัทได้มีการทำการตลาดออนไลน์มากขึ้นเพื่อทดแทนยอดผู้ชมบริษัทเช่นให้ลูกค้าสามารถจองการเยี่ยมชมแบบส่วนตัวผ่านทางออนไลน์ เป็นตัน หรือ Virtual tour

บริษัทคงโฟกัสพัฒนาโครงการที่เคยประสบความสำเร็จ และกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความ uniq แต่จะทำโครงการให้มีราคาที่จับต้องได้มากขึ้น เพื่อพยุงสถานการณ์ของบริษัทท่ามกลางสถานการณ์การระบาดโควิดระลอก 3 ที่รับผลกระทบมากกว่า 2 ครั้งที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ทั้งแนวราบและแนวสูงอยู่ 1,689 ล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในสิ้นปี 64 นี้

โดยโครงการแนวสูง ได้แก่ โครงการ Condominium BANYAN TREE Residences Riverside Bangkok มี Backlog อยู่ที่ 568 ล้านบาท และโครงการ The Most - Itsaraphap มี Backlog อยู่ที่ 289 ล้านบาท ส่วนโครงการแนวราบ เป็นโครงการ Nirvana BEYOND - Rama มี Backlog อยู่ที่ 101 ล้านบาท, โครงการ Nirvana BEYOND - Udonthani มี Backlog อยู่ที่ 15 ล้านบาท, โครงการ Nirvana BEYOND - Rama9-Krungthepkreetha มี Backlog อยู่ที่ 169 ล้านบาท, โครงการ Nirvana BEYOND - Bangna Att U Park มี Backlog อยู่ที่ 200 ล้านบาท, โครงการ ICON - Pinklao มี Backlog อยู่ที่ 42 ล้านบาท, โครงการ Nirvana ELEMENT - Bangna มี Backlog อยู่ที่ 156 ล้านบาท,

โครงการ Townhomes DEFINE - Srinakarin-Rama มี Backlog อยู่ที่ 100 ล้านบาท, โครงการ Home Offices @WORK - Ramintra มี Backlog อยู่ที่ 35 ล้านบาท, โครงการ @WORK - Ladprao-Kaset Nawamin มี Backlog อยู่ที่ 14 ล้านบาท

ขณะที่Land Bank ปัจจุบันบริษัทมีอยู่ 295 ไร่ และมี Potential Project Value ที่ 36,500 ล้านบาท โดยที่ดินบางส่วนที่ได้มาจากการควบรวมกิจการ (M&A) จะมีการบริหารจัดการเพื่อพัฒนาเพิ่มเติม ในส่วนของที่ดินที่ไม่พร้อมจะพัฒนาจะทำการขายออกไปบ้าง เนื่องจากมีต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นมาขณะเดียวกันจะได้มีกระแสเงินสดที่จะเข้าลงทุนโครงการ โดยเฉพาะที่ดินกรุงเทพกรีฑาจะเริ่มทยอยพัฒนาได้ ซึ่งน่าจะเห็นในไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป สำหรับการถอนการลงทุนของ บมจ.สิงห์ เอสเตท (S) ไม่ส่งผลกระทบในเชิงการบริหาร แต่ส่งผลต่อต้นทุนทางการเงินที่มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย

"Land Bank ยังอยู่เหมือนเดิมจากปลายปีที่ผ่านมา เราทยอยพัฒนา คลัสเตอร์ใหญ่ที่เรามีคือกรุงเทพกรีฑาเกือบ 220 ไร่ ที่เป็นที่ดินพร้อมพัฒนาในปัจจุบัน...ปัจจุบันสถานการณ์ near term ยังไม่พร้อมพัฒนาเราจะทยอยขายออกมาบ้างที่ดิน ส่วนที่กรุงเทพกรีฑาจะพัฒนาเป็น Commercial บางส่วน"

สำหรับโครงการบ้านแนวราบมียอดขายเกือบ 600 ล้านบาทในไตรมาส 1/64 ที่สามารถสร้างยอดขายได้ดี คือ "Nirvana @WORK Home Offices" ที่รามอินทรา โดยมียอดขายและยอดโอนในไตรมาส 1/64 อยู่กว่า 100 ล้านบาท โดยมาจากไลฟ์สไตล์แบบ New Normal ที่คนหันมาลดความเสี่ยงจากการทำงานในตึกที่มีบริษัทจำนวนมากรวมกัน ประกอบกับอยู่ในเส้นทางที่ใกล้รถไฟฟ้าสีชมพูที่กำลังดำเนินการสร้างอยู่ด้วย

ส่วนโครงการแนวสูง คอนโดที่สร้างยอดขายได้ดี คือ "Banyan Tree Residences Riverside Bangkok" โดยในไตรมาส 1/64 มี Backlog 4 ยูนิต Transfers อยู่ประมาณ 300 ล้านบาท เหลือ Backlog 6 ยูนิต หลังจากไตรมาส 2/64 อีก 570 ล้านบาท และรายได้จากคอนโดโครงการใหม่ "The Most Issaraphap" ที่เริ่มทยอยโอนในไตรมาส 1-3/64 นอกจากนี้ยังมีรายได้จากสัญญาก่อสร้าง (Construction Contracts) โดยมาจากการสร้างบ้านตามสั่งจากลูกค้า และมาจากการผลิตโครงสร้างสำเร็จรูป (Precast Structure) ด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ