นางสาววริษา อนันตรัมพร ผู้จัดการทั่วไป บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมั่นใจเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 6,000 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตมาจากทุกธุรกิจ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องกลับมาทำงานที่บ้าน (Work From Home) ส่งผลให้มีความต้องการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ มารองรับการ WFH และการพัฒนาเทคโนโลยีรองรับ 5G ,IoT (Internet of Things) ด้วย ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ด้านธุรกิจโทรคมนาคม มูลค่า 3,645 ล้านบาท อาทิ โครงการอินเทอร์เน็ตชุมชน 1-2 (USO1-2) และโครงการ Data Center เป็นต้น ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 1,424 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทยังมี Backlog ธุรกิจวิศวกรรม มูลค่า 982.45 ล้านบาท ทั้งหมด 7 โครงการ อาทิ AOT (CC3) , สถานีไฟฟ้าย่อย และนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน เป็นต้น โดยจะรับรู้รายได้เข้ามาในปีนี้ทั้งหมด นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการรอเซ็นสัญญา และผลการประมูลในโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง มูลค่ารวมราว 2,028 ล้านบาท ทั้งหมด 5 โครงการ คือ โครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน จังหวัดขอนแก่น มูลค่า 34 ล้านบาท โครงการวางระบบไฟฟ้าสายเคเบิลใต้น้ำ เกาะปันหยี มูลค่า 144 ล้านบาท โครงการวางระบบไฟฟ้าสายเคเบิลใต้น้ำ แม่น้ำเจ้าพระยา มูลค่า 85 ล้านบาท และโครงการสถานีไฟฟ้าย่อย 3 โครงการ มูลค่า 535 ล้านบาท ซึ่งบริษัทเตรียมเซ็นสัญญาเข้ารับงานอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2-ไตรมาส 3 นี้
ส่วนโครงการวางระบบไฟฟ้าสายเคเบิลใต้น้ำ เกาะสมุย มูลค่าโครงการ 1,230 ล้านบาท ยังคงต้องรอผลการตัดสินของศาลปกครองที่จะออกมาก่อน "ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้รูปแบบการทำงานของผู้ประกอบการเปลี่ยนแปลงไป ความต้องการใช้ระบบโทรคมนาคมต่างๆ ก็ปรับตัวสูงขึ้นตาม ส่งผลให้ผู้ประกอบการต่างๆ ต้องเร่งพัฒนาระบบของตัวเองเพื่อที่จะรองรับการทำงานจากบ้าน จึงผลักดันให้บริษัทมีการเติบโตสวนทางกับผู้ประกอบการในธุรกิจอื่นๆ ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีก็ยังมีทิศทางที่ดีเติบโตต่อเนื่อง"นางสาววริษา กล่าว