นายนิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มขนาด 50-250 เมกะวัตต์ ในเวียดนาม ซึ่งมีทั้งหมด 5 โครงการ กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์/โครงการ ซึ่งคาดว่าว่าจะมีความชัดเจนออกมาในช่วงไตรมาส 2/64 ซึ่งหากบริษัทจะเข้าซื้อทั้งหมด 250 เมกะวัตต์ คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุน 7-8 พันล้านบาท ซึ่งกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะเข้าลงทุนทั้งหมดหรือเลือกลงทุนแค่บางโครงการ ซึ่งหากเข้าลงทุนบริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนจากเงินกู้ยืมสถาบันการเงินที่ยังมีความสามารถในการกู้ยืมได้ และปัจจุบันบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ในระดับที่ไม่ต่ำเพียง 0.88 เท่า
"มองว่าในต่างประเทศตอนนี้เป็นจังหวะที่น่าลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจ เราพยายามหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ให้ผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะในเวียดนามที่เราสนใจ เพราะเป็นประเทศที่ขยายตัวได้ดี และมีการลงทุนเกิดขึ้นใหม่มาก ทำให้มีความต้องการใช้น้ำและไฟฟ้าเพิ่มสูงต่อเนื่อง และเราก็ตั้งงบในช่วง 5 ปี ไว้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท รองนับการลงทุนใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น"นายนิพนธ์ กล่าว
ส่วนการลงทุนในประเทศปีนี้บริษัทจะทำการเพิ่มบ่อน้ำในส่วนนิคมตะวันออก ทำให้มีซัพพลายน้ำเพิ่มอีก 10,000-15,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน เพื่อรองรับลูกค้าในอนาคต แม้ว่าปีนี้จะไม่มีปัญหาภัยแล้งเข้ามากระทบก็ตาม แต่เป็นการเตรียมความพร้อมให้กับธุรกิจเมื่อการแพร่รระบาดโควิด-19 คลี่คลายลงไป สำหรับในปีนี้บริษัทมั่นใว่ารายได้จะเติบโต 25% จากปีก่อนได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งในช่วงไตรมาส 1/64 ที่ผ่านมา ยอดขายน้ำเติบโตขึ้น 14% จากภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากการที่ต่างประเทศเริ่มกลับมาเปิดเมือง ทำให้ภาคการส่งออกฟื้นกลับมา รวมถึงความต้องการใช้ไฟฟ้าก็เติบโตด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งมองว่าในช่วงไตรมาส 2/64 ทิศทางของผลการดำเนินงานจะเห็นการเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่ผ่านมา จากอานิสงส์ของภาคการส่งออกที่กลับมาดี