(เพิ่มเติม) CK คาดเริ่มสร้างโรงไฟฟ้าน้ำบาก 1-2 ในลาวต้นปี 51/เชื่อได้งานไซยบุรีแน่

          บมจ.ช.การช่าง(CK)มั่นใจรัฐบาลลาวไฟเขียวแน่นอนให้เข้ารับงานโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำบาก 1-2  และโครงการเขื่อนและโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยบุรี หลังจากได้รับสิทธิเป็นผู้ศึกษาโครงการ โดยคาดว่าช่วงต้นปี 51 จะเริ่มลงมือก่อสร้างโครงการน้ำบาก 1-2 ที่มีมูลค่ากว่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1 หมื่นล้านบาท และจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในงวดปีเดียวกัน
          ส่วนโครงการไซยบุรีน่าจะสามารถสรุปผลศึกษาโครงการได้ในราวปลายปี 51 หรือปี 52 ก่อนจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการก่อสร้าง ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 1.7-1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
          พร้อมกันนั้น ยังรอลุ้นงานประมูลก่อสร้างถนนและทางด่วนในประเทศอินเดียที่คาดว่าจะรู้ผลในปลายปีนี้ ทั้งนี้บริษัทได้ทยอยเข้าไปประมูลงานด้านสาธารณูปโภคในอินเดีย ซึ่งเป็นงานที่บริษัทมีความถนัดอยู่แล้ว 
          นายอนุกุล ตันติมาสน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ CK คาดว่า ยอดรับรู้รายได้ของบริษัทในปี 51 จะสูงกว่าปี 50 ที่บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 1.5 หมื่นล้านบาทค่อนข้างมาก  เนื่องจากบริษัทจะมีงานในมือเพิ่มขึ้นจากงานก่อสร้างโครงการน้ำบาก 1-2  รวมทั้งงานที่กำลังรอลุ้นผลประมูลทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจ็คต์ในประเทศที่บริษัทเข้าร่วมประมูลทุกโครงการ ทั้งรถไฟฟ้าและรถไฟทางคู่ ซึ่งเชื่อว่าศักยภาพของบริษัททำให้มีโอกาสที่จะชนะประมูลค่อนข้างมาก
          "คิดว่ารายได้ปีหน้าจะสูงกว่าปีนี้มาก เพราะเราได้งานน้ำบาก และงานเมกะโปรเจ็คต์ที่เราเข้าประมูลทุกโครงการ" นายอนุกูล กล่าวกับ"อินโฟเควสท์" 
          สำหรับในปีนี้ บริษัทคาดว่าในช่วงไตรมาส 3/50 จะมีรายได้สูงกว่าในไตรมาส 2/50  ที่มีรายได้รวม 4.2 พันล้านบาท ซึ่งจะมาจากการรับรู้รายได้โครงการน้ำงึม 2 ที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก และคาดว่าผลประกอบการทั้งปีจะพลิกมามีกำไรจากปีก่อนที่ขาดทุน 1.2 พันล้านบาท โดยในไตรมาส 2/50 บริษัทเริ่มมีกำไรแล้ว และในไตรมาส 4/50 ยังคาดว่าจะมีกำไรจากการขายหุ้นบมจ.น้ำประปาไทย(TTW)ด้วยหากเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ทันปลายปีนี้ 
           และยังคาดว่า รายได้ในครึ่งปีหลัง จะใกล้เคียงกัน กับรายได้ในตรึ่งปีแรกที่มี 8.7 พันล้านบาท เพราะทยอยรับรู้งานตลอดทั้งปี  
          ทั้งนี้ ในเดือนส.ค.50  CK มีงานในมือ(Backlog)ประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท โดยโครงการน้ำงึม 2 ในลาวมีมูลค่างาน 1.4 หมื่นล้านบาท
          นายอนุกูล กล่าวว่า บริษัทจะเข้าร่วมประมูลทุกโครงการรถไฟฟ้าทุกสายรวมทั้งโครงการรถไฟทางคู่  ซึ่งบริษัทคาดหวังจะได้ทุกโครงการที่เข้าประมูล  โดยจะตั้งมาร์จิ้นไว้ที่ 10-15% โดยบริษัทได้เตรียมความพร้อมด้านบุคคลากร และเงินทุนไว้แล้ว โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาความจำเป็นในการมีพันธมิตรในโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง(บางซื่อ-ตลิ่งชัน)เพราะมูลค่าโครงการไม่สูง นัก รวมทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ ด้วยก็กำลังพิจารณาเรื่องพันธมิตรเช่นกัน