นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ครึ่งหลังของปี 64 จะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเชื่อว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายลงหลังจากมีการกระจายวัคซีนในวงกว้างได้มากขึ้น ประกอบกับ บริษัทยังเดินหน้าขยายสถานีบริการน้ำมันได้ตามแผน และค่าการตลาดในปีนี้จะอยู่ที่ราว 1.80-1.90 บาทต่อลิตรก็น่าจะส่งผลดีต่อตัวกำไร
บริษัทยังคงเป้าหมายปริมาณการจำหน่ายน้ำมันในปีนี้เติบโต 8-12% และปริมาณการจำหน่ายแก๊ส LPG เติบโตมากกว่า 100% ซึ่งจะทำให้ EBITDA ทั้งปีนี้เติบโตราว 10-15% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการขยายสาขาบริการน้ำมันเพิ่มเป็น 2,030 สาขา, สาขาปั๊มก๊าซ LPG&MIX เป็น 260 สาขา และการขยายสาขาธุรกิจ Non-Oil เพิ่มเป็น 870 สาขา ภายใต้งบลงทุน 4,000-4,500 ล้านบาท แบ่งใช้ในธุรกิจหลัก 3,500 ล้านบาท, ธุรกิจ Non-oil 500 ล้านบาท และธุรกิจใหม่ 500 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทยังคงเดินหน้านำบริษัทย่อยต่างๆ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต ได้แก่ บริษัท แอตลาส เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจก๊าซ LPG คาดว่าจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ได้ภายในไตรมาส 4/64 และจะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในปี 65 ส่วน บริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จำกัด (PPP) ที่ดำเนินธุรกิจปาล์มคอมเพล็กซ์ คาดว่าจะยื่นไฟลิ่งในไตรมาส 2/65 หรือไม่เกินไตรมาส 3/65
พร้อมกันนั้น ยังมองโอกาสนำธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปี 67 ด้วย หลังจากไตรมาส 4/63 ธุรกิจดังกล่าวมี EBITDA เป็นบวกแล้ว และคาดหวังว่าปีนี้จะมีกำไรสุทธิ
นายพิทักษ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นข้อเสนอโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน เทศบาลเมืองบ้านพรุ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท พลังงานพัฒนา 5 จำกัดว่า อยู่ระหว่างรอทางภาครัฐประกาศกระบวนการให้โควต้า รายละเอียดกระบวนการยื่นหรือเงื่อนไขในการเสนอเพื่อขอใบอนุญาตการซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ก็อยู่ระหว่างรอทางภาครัฐประกาศรับซื้อไฟฟ้า