นางอรณีย์ พูลขวัญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายพัฒนาธุรกิจค้าปลีกและการพาณิชย์ บมจ.สิงห์ เอสเตท (S) เปิดเผยว่า บริษัทได้เล็งเห็นศักยภาพของย่านวิภาวดีรังสิตที่กำลังเติบโตเป็นศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพตอนเหนือ จึงได้ลงทุนในอาคารซันทาวเวอร์ส และพัฒนาพื้นที่บริเวณซอยเฉยพ่วง ขยายพื้นที่ตลาดซันพลาซ่า และศูนย์อาหาร
ล่าสุดได้พัฒนาโครงการเอส โอเอซิส มูลค่า 3.69 พันล้านบาท ตั้งอยู่ในซอยเฉยพ่วง ถนนวิภาวดี รังสิต บนพื้นที่ 6 ไร่ 3 งาน 24 ตารางวา เป็นสำนักงานเกรด เอ อาคารแรกบนถนนวิภาวดีรังสิต สูง 35 ชั้น ประกอบด้วยพื้นที่ให้เช่า 54,000 ตารางเมตร พื้นที่ค้าปลีก 1,700 ตารางเมตร ที่จอดรถยนต์จำนวน 870 คัน พร้อม EV Charger และอาคารจอดรถโดยรอบที่รองรับได้กว่า 1,500 คัน ปัจจุบันก่อสร้างไปแล้วกว่า 60% และคาดว่าจะสร้างเสร็จในช่วงปลายปี 64 โดยบริษัทได้แต่งตั้ง CBRE เป็นตัวแทนในการปล่อยเช่าพื้นที่สำนักงาน
จุดเด่นของโครงการเอส โอเอซิส อีกว่า เป็นอาคารอัจฉริยะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Smart and Eco-Friendly Building) ตอบโจทย์การทำงานแบบ New Working Culture โดยบูรณาการพื้นที่โดยรอบอาคารให้มีสภาพแวดล้อมที่สดใส สร้างแรงบันดาลใจในการทำงานกับบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เอื้อต่อการทำงานสูงสุด ผสมผสานอย่างลงตัวทั้งพื้นที่การทำงานภายในและภายนอกอาคาร ร่วมกับเทคโนโลยีลดการสัมผัสในพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อความปลอดภัย และสุขอนามัยที่ดีในยุค Next Normal รองรับการทำงานของคนรุ่นใหม่ด้วยความยืดหยุ่นในการปรับแต่งการใช้งานและสิ่งอำนวยความสะดวกของพื้นที่ตามความต้องการ และนอกจากนี้ยังเพิ่มการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อช่วยให้เกิดความคล่องตัวและสามารถสร้างสรรค์การทำงานร่วมกันได้ทันทีในทุกสถานที่และทุกเวลา
ปัจจุบัน S บริหารพื้นที่สำนักงานอาคารซันทาวเวอร์ส ริมถนนวิภาวดีรังสิต มากกว่า 62,000 ตารางเมตร และเมื่อโครงการเอส โอเสซิส แล้วเสร็จ บริษัทจะบริหารพื้นที่สำนักงานทั้งสิ้นประมาณ 116,000 ตารางเมตร พร้อมทั้งสร้างบริเวณนี้ให้เป็นเอส ดิสทริค (S District) เพื่อเป็นสังคมคุณภาพแห่งใหม่ บนทำเลแห่งอนาคตของกรุงเทพตอนเหนือ อีกทั้งบริษัทยังมีการบริหารพื้นที่สำนักงานอาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ บนหัวมุมถนนอโศกเพชรบุรี และอาคารเอส เมโทร ใจกลางพร้อมพงษ์ อีกด้วย
สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า (Commercial Business Unit) บริษัทสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายท่ามกลางความท้าทายในช่วงวิกฤติโควิดในไตรมาส 1/64 มีอัตราปล่อยเช่าเฉลี่ยโดยรวมขยับขึ้นต่อเนื่องจากปีสิ้น 63 มาอยู่ที่ 90% โดยบริษัทมีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจนี้ยังมีศักยภาพในการเติบโตสูงและสามารถสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ที่มั่นคงในอีก 5 ปีข้างหน้านับจากปี 63
โดยบริษัทตั้งเป้าพื้นที่ให้เช่ารวม 250,000 ตารางเมตร ซึ่งเติบโตขึ้น 80% ในขณะที่คาดการณ์รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าเติบโตขึ้นราว 105% รวมทั้งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งให้แก่บริษัทในอนาคต