TTW คาดเข้าเทรดกลางธ.ค.50 ลุ้นราคา IPO ไม่ต่ำกว่า 4 บ./หุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 9, 2007 10:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ.น้ำประปาไทย(TTW)คาดหุ้น IPO เข้าเทรดในช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนธ.ค.50 หรือก่อนการเลือกตั้งที่กำหนด 23 ธ.ค.นี้ เชื่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนั้นจะคึกคักส่งผลดีต่อหุ้น TTW ที่วางแผนออกโรดโชว์ในช่วงกลางเดือนพ.ย.ก่อนออกเสนอขายในปลายพ.ย.ถึงต้นธ.ค. แต่หากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุมัติการซื้อขายล่าช้ากว่าที่คาดไว้ในปลายต.ค. ก็จะเลื่อนการขายหุ้น IPO ออกไปต้นปีหน้า 
ผู้บริหาร TTW คาดระดมทุนได้ไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท เพื่อนำไปชำระหนี้ระยะสั้นและทยอยคืนหนี้ระยะยาว เชื่อหลังขายหุ้นอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ทจะลดเหลือ 2 เท่าจากปัจจุบัน 3.2 เท่า พร้อมคาดปี 50 มีรายได้รวม 3 พันล้านบาทและปี 51 จะเติบโตอย่างน้อย 10% จากการเพิ่มกำลังผลิตของบริษัท น้ำประปาปทุมธานี จำกัด(PTW)ที่เริ่มผลิตกลางปีหน้า ประกอบกับ อัตราค่าน้ำปรับเพิ่มตามดัชนีราคผู้บริโภค(CPI)และปริมาณการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการ
“คือเรามองว่าถ้าเราได้รับอนุมัติจากก.ล.ต.สิ้นเดือนนี้(ต.ค.)เรามีเวลาที่จะสามารถทำการขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปได้ เพราะปกติขายหุ้นจะไม่เกินครึ่งหลังของเดือนธ.ค.เราก็คิดว่าเทรดวันแรกไม่เกินสัปดาห์ที่สองของดือนธ.ค.สัปดาห์ที่สามก็ช้าไปแล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพตลาดด้วย หลังจากที่เราได้ไฟเขียวมาแล้ว อย่างน้อยที่สุดถ้าเป็นไปได้ก็น่าจะเข้าปีนี้" นายสมโพธิ์ ศรีภูมิ กรรมการผู้จัดการ TTW ให้สัมภาษณ์กับ"อินโฟเควสท์"
แต่ทั้งนี้ หุ้น TTW ต้องได้รับอนุมัติจากก.ล.ต.ในช่วงปลายต.ค.จึงจะเสนอขายได้ประมาณปลายพ.ย.หรือต้นธ.ค.
แต่ถ้าหากก.ล.ต.อนุมัติมาประมาณกลางเดือนพ.ย. คงต้องเลื่อนการขายหุ้น IPO ไปต้นปีหน้า หรือประมาณปลายเดือนม.ค.51
บริษัทมีแผนจะโรดโชว์หุ้นในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพ.ย.ที่สิงคโปร์และฮ่องกง โดยกำหนดสัดส่วนการจัดสรรหุ้นให้นักลงทุนต่างประเทศ 40% นักลงุทนสถาบันในประเทศ 30% และ นักลงทุนรายย่อย 30%
ส่วนราคาขายหุ้น IPO ยังต้องรอการประเมินราคากับผู้จัดจำหน่ายและผู้รับประกันการจำหน่าย (อันเดอร์ไรท์เตอร์) อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะระดมทุนได้ไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาทเพื่อนำไปชำระหนี้ระยะสั้น จำนวน 3 พันล้านบาทที่จะครบกำหนดชำระคืนกลางปี 51 และหนี้เงินกู้ระยะยาวอีกจำนวน 1 พันล้านบาท ที่ครบกำหนดชำระในปี 56 ทั้งสองวงเงินกู้มีอัตราดอกเบี้ยที่ MLR
หลังชำระคืนเงินกู้แล้วจะทำให้ D/E ของบริษัทลดลงเหลือ 2 เท่าจากมิ.ย.50 อยู่ที่ 3.2 เท่า โดยปัจจุบันบริษัทมีหนี้ทั้งหมดจำนวนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
"เดิมเราประเมินราคาเสนอขายหุ้น TTW ไว้ที่ 3.50 บาท ก่อนที่เข้าลงทุน PTW แต่เมื่อซื้อ PTW แล้วภาพรวมน่าจะดีขึ้น ราคาก็คงต้องมีการปรับเปลี่ยน เพราะรายได้เพิ่มขึ้นอีก 1 เท่า ยอดกำลังการผลิตก็เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว" นายสมโพธิ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 1 พันล้านหุ้น โดยเป็นหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 700 ล้านหุ้น ส่วนอีก 300 ล้านหุ้นเป็นของผู้ถือหุ้นเดิม
นายสมโพธิ กล่าวว่า หากตั้งราคาขาย IPO ต่ำกว่า 4 บาทต่อหุ้นก็จะระดมเงินได้ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอชำระหนี้ระยะสั้นที่ครบกำหนดชำระกลางปี 51 จำนวน 3 พันล้านบาท บริษัทก็จะนำมีกำไรสะสมที่มีอยู่(ณ มิ.ย.50)จำนวน 760 ล้านบาท มาเพิ่มเติมในการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นดังกล่าว
*คาดรายได้รวมปี 51 โตอย่างน้อย 10%จากปีนี้ 3 พันลบ.
นายสมโพธิ คาดว่า ในปี 50 TTW จะมีรายได้ 3 พันล้านบาท (รวม PTW) จากช่วงครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 1.5 พันล้านบาท โดยทั้งปีประเมินว่า TTW จะมีปริมาณขายน้ำประปา 92-93 ล้านลบ.ม.เพิ่มจากปีก่อนที่ขายได้ 83 ล้านลบ.ม. ส่วน PTW จะมีปริมาณขาย 108-110 ล้านลบ.ม. จาก 100 ล้านลบ.ม.ในปีก่อน และมีอัตรากำไรสุทธิ 35% ของรายได้รวม
ส่วนรายได้รวมในปี 51 คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีนี้ และอัตรากำไรสุทธิก็คาดว่าจะยังอยู่ที่ 35% ของรายได้รวม สาเหตุที่ยังรักษาอัตรากำไรสุทธิปีหน้าได้เท่าปีนี้ เพราะยอดขายน้ำเพิ่มขึ้น ขณะที่บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายรวม ทำให้ค่าใช้จ่ายคงที่ อาทิ ภาระดอกเบี้ยจ่าย ค่าใช้จ่ายการบริหาร
"ธุรกิจน้ำประปาไม่มีฤดูกาล (seasonal) ดังนั้นรายได้ทุกไตรมาสจะมีเข้ามาสม่ำเสมอ ราคาขายน้ำก็ได้ปรับราคาขึ้นทุกปี ตามดัชนีราคาผู้บริโภค(มีผลทุกเดือนม.ค.)ฉะนั้น รายได้เราปรับเพิ่มขึ้นมาจากการปรับราคาขายน้ำทุกปี และจากการเพิ่มขึ้นปริมาณการใช้น้ำ เนื่องจากการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ และชุมชน ขยายตัวหนาแน่นขึ้น" กรรมการผู้จัดการ TTW กล่าว
ในปีหน้า TTW คาดว่ายอดขายน้ำจะเติบโต 13% จากปีนี้เป็น 104 ล้านลบ.ม. จากความต้องการใช้น้ำประปาเพิ่มข้นในจ.นครปฐม และ จ.สมุทรสาครที่แหล่งชุมชนขยายตัว และผู้ใช้น้ำเดิมหันมาใช้น้ำประปามากขึ้นทดแทนน้ำบาดาลที่คุณภาพไม่ดี
ส่วน PTW เชื่อว่าปีหน้าปริมาณขายน้ำน่าจะโตได้ 8-10% แต่ครึ่งปีหลังคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นหลังจากโรงกรองเสร็จในช่วงกลางปีหน้า ซึ่ง PTW เชื่อว่าเติบโตได้เร็วเพราะบริเวณที่จ่ายน้ำคือจ.ปทุมธานีมีความต้องการล้นตลาด
PTW กำลังก่อสร้างโรงงานผลิตน้ำแห่งใหม่ ซึ่งความคืบหน้าการก่อสร้างคืบหน้า 65% จะแล้วเสร็จกลางปีหน้า โดยมีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 7 หมื่นลบ.ม.ต่อวัน เพิ่มเป็น 3.8 แสนลบ.ม.ต่อวัน
สัดส่วนรายได้รวมของบริษัทจะมา TTW 60% และ PTW 40% เพราะอัตราขายน้ำไม่เท่ากัน โดย TTW ขายได้สูงกว่าเนื่องจากมีต้นทุนในการผลิตสูงกว่าของ PTW
นายสมโพธิ กล่าวว่า TTW ได้ยื่นข้อเสนอต่อการประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.)เมื่อมิ.ย.ที่ผ่านมา ที่จะขอเสนอขยายกำลังการผลิต เพิ่มอีก 1 แสนลบ.ม.ต่อวัน เป็น 4.2 แสนลบ.ม.ต่อวัน ซึ่งขณะนี้ใช้กำลังการผลิต 80% โดยจะมีการขยายคอขวด ทั้งระบบการผลิต ระบบการส่งน้ำและการจ่ายน้ำ โดยไม่ต้องสร้างโรงงานใหม่ คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 1.3 พันล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 1 ปีครึ่ง ตามแผนจะแล้วเสร็จกลางปี 52 สอดคล้องกับการติบโตความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น
TTW เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำประปารายใหญ่ที่สุด โดยมีสัญญาซื้อขายน้ำให้กับการประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.) ในพื้นที่จ.นครปฐม และจ.สมุทรสาคร อายุสัญญา 30 ปีนับตั้งแต่ปี 43 ส่วน PTW ซื้อขายน้ำกับ กปภ.ในพื้นที่จ.ปทุมธานี มีสัญญา 25 ปี นับจากปี 41 และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40%ของกำไรสุทธิ
ทั้งนี้ บมจ.ช.การช่าง(CK) ถือหุ้นใหญ่ 47.69% หลังขายหุ้น IPO สัดส่วนจะลดเหลือ 35.26% รองลงมาเป็น บริษัท มิตซุย วอเตอร์โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด จาก 35% เหลือ 25.88% นอกจากนี้ได้ขายหุ้นให้พนักงานบริษัท 40 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 1% ของทุนจดทะเบียน ซึ่งมีระยะห้ามซื้อขาย 2 ปี และกระจายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป 25% ของทุน 3.99 พันล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ