นายชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.เอส โฮเทล แอนด์รีสอร์ท (SHR) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น จากปัจจัยหนุนของการท่องเที่ยวในยุโรปและมัลดีฟส์ ซึ่งภาคการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นกลับมาดีขึ้นในช่วงไตรมาส 2/64 ทำให้อัตราการเข้าพัก (OCC) ของโรงแรมในอังกฤษและมัลดีฟส์กลับมาเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 50% หลังจากที่สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง จากการเร่งการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในยุโรปที่คนเริ่มเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น หลังจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ต่างๆ ผ่อนคลายลงไปมากแล้ว
อีกทั้งในช่วงไตรมาส 3/64 จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของยุโรป ทำให้แนวโน้มการท่องเที่ยวได้รับอานิสงส์บวก ส่งผลให้อัตราการเข้าพักโรงแรมในอังกฤษจะมีอัตราการเข้าพักเพิ่มสูงขึ้นอีก ส่วนในมัลดีฟส์ก็ยังมีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาท่องเที่ยวต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มของผลการดำเนินงานโรงแรมในอังกฤษและมัลดีฟส์จะสามารถกลับมามีกำไรจากการดำเนินงานที่พลิกเป็นบวกได้ และส่งผลบวกต่อภาพรวมกำไรจากการดำเนินงานของบริษัท
อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทย ระลอก 3 รวมถึงประเทศในเอเชียบางประเทศที่ยังมีการแพร่ระบาดโควิด-19 เกิดขึ้น จะกดดันต่อโรงแรมของบริษัทที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียที่ยังฟื้นตัวกลับมาได้ค่อนข้างช้า ทั้งในไทย ฟิจิ และมอริเชียส เนื่องจากนักท่องเที่ยวจากยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ยังคงระมัดระวังการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว อีกทั้งนักท่องเที่ยวในประเทศเองก็ยังชะลอการท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน ส่งผลให้อัตราการเข้าพักของโรงแรมในในไทย ฟิจิ และมอริเชียส จะยังไม่ฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งยังคงต้องติดตามว่าสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในภูมิภาคเอเชียจะสามารถคลี่คลายลงได้อย่างเร็วก่อนไตรมาส 3/64 หรือไม่
ขณะที่การเปิดภูเก็ต Sandbox ในเดือน ก.ค. 64 ยังคงต้องติดตามว่าจะสามารถเปิดได้ทันหรือไม่ ซึ่งคาดหวังกับการเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนในประเทศและในภูเก็ตจะสามารถทำได้เร็วตามแผนหรือไม่ ซึ่งหากสามารถเปิดภูเก็ต Sandbox ได้ทันตามกำหนดก็จะส่งผลบวกให้กับโรงแรมของบริษัทในภูเก็ตและเกาะพีพีที่จะเริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา รวมถึงนักท่องเที่ยวในประเทศที่จะเริ่มเดินทางเข้ามาเที่ยวภูเก็ตมากขึ้นเช่นเดียวกัน
"UK และมัลดีฟส์ เป็นพอร์ตโรงแรมที่เข้ามาหนุนผลการดำเนินงานในปีนี้ได้อย่างดี หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 ในยุโรปสามารถควบคุมได้ดี และมีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนมาก และมัลดีฟส์การท่องเที่ยวก็กลับมาฟื้นขึ้นมากแล้ว ทำให้พอร์ตของ UK และมัลดีฟส์จะมี EBITDA เป็นบวก แต่ถ้าบรรทัดสุดท้ายของบริษัทก็อาจจะต้องลุ้นว่าพอร์ตโรงแรมในไทย ฟิจิ และมอริเชียส จะเป็นบวกได้หรือไม่ เพราะต้องดูในช่วงครึ่งปีหลังว่าจะสถานการณ์จะเป็นอย่างไร"นายชัยรัตน์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีแผนการขายโรงแรมในพอร์ตอังกฤษออกไปเพิ่มเติมอีก 2-3 โรงแรม/ปี ในช่วงปี 64-65 หรือรวม 4-6 โรงแรมที่จะขายออกไป เพื่อเป็นการปรับพอร์ตโรงแรมในอังกฤษให้มีความเหมาะสม และเป็นโรงแรมที่สามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีให้กับบริษัท โดยในช่วงไตรมาส 2/64 บริษัทจะมีการขายโรงแรมในอังกฤษเพิ่มเติมอีก 1 โรงแรม หลังจากไตรมาส 1/64 ขายออกไปแล้ว 1 โรงแรม โดยภายในปี 65 โรงแรมในอังกฤษจะมีอยู่ทั้งหมด 20-21 แห่ง จากเดิมที่มี 26 แห่ง
สำหรับงบลงทุนในปี 64 บริษัทจะใช้ปรับปรุงห้องพัก และสปาในโรงแรมที่เกาะพีพี จำนวน 30 ล้านบาท และการลงทุนก่อสร้างโรงแรมในมัลดีฟส์ ที่เกาะ 3 จำนวน 80 ห้อง ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติ โดยเงินลงทุนที่บริษัทจะใช้ลงทุนราว 10-20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยที่โรงแรมดังกล่าวจะเริ่มก่อสร้างในช่วงปลายปี 64 และคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายปี 66 หรือต้นปี 67