ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดปรับตัวแตกต่างกันไปในวันนี้ (17 ต.ค.) โดยการเข้าซื้อหุ้นบลูชิปในช่วงใกล้ปิดตลาดส่งผลให้ดัชนีสเตรทส์ไทม์ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 3,800 จุด แม้ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นและความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐจะทำให้บรรยากาศการซื้อขายไม่คึกคักเท่าที่ควรก็ตาม
ตลาดหุ้นสิงคโปร์ไม่ได้รับผลกระทบจากการเทขายหุ้นในตลาดหุ้นอินเดียอย่างหนักหน่วงเพื่อจำกัดการลงทุนจากต่างชาติ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าตลาดทั้งสองแห่งแทบไม่มีความสัมพันธ์กัน
สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีสเตรทส์ไทม์ปิดบวก 29.01 จุด หรือ 0.8% ปิดแตะระดับสูงสุดระหว่างวันที่ 3,839.73 จุด หลังแตะระดับต่ำสุดระหว่างวันที่ 3,735.39 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขาย 3 พันล้านหุ้น มูลค่า 3.7 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์
ดัชนีสเตรทส์ไทม์เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 3,800 จุดเกือบตลอดช่วงการซื้อขาย เนื่องจากมีการเทขายทำกำไรอย่างกว้างขวางหลังตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับลดลงติดกัน 2 วันทำการ แต่การที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงสามารถดีดตัวกลับมาปิดในแดนบวก รวมถึงปัจจัยหลายอย่างที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ดัชนีสเตรทส์ไทม์ดีดตัวขึ้นอีกครั้ง
เออร์วิน เซียะ นักเศรษฐศาสตร์จาก DBS กล่าวว่า จีดีพีของสิงคโปร์เติบโตโดยเฉลี่ย 8% ในปีนี้ แม้ว่ายอดส่งออกสินค้านอกภาคน้ำมันในประเทศจะยังคงซบเซา อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของภาคบริการการเงินก็ช่วยชดเชยความซบเซาในภาคการผลิตได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้จีดีพียังคงเติบโตอยู่ที่ราว 9.4% ในเดือนก.ย.
โครงส้รางเศรษฐกิจเอเชียที่มีความแข็งแกร่งแม้จะเกิดวิกฤตการณ์ซับไพรม์ช่วยดึงดูดเม็ดเงินต่างชาติจำนวนมาก ตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.5% ในเดือนก.ย. อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงถึง 88 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สร้างความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐที่ถดถอยอาจส่งผลกระทบต่อตลาดโลก
"ในเมื่อตลาดปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่งตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา การเทขายทำกำไรจึงต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้" ซอง เซง วูน หัวหน้าฝ่ายวิจัยจาก CIMB-GK กล่าว
นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าตลาดหุ้นสิงคโปร์น่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและอาจแตะระดับ 4,000 จุดในช่วงปลายปี แม้ระหว่างทางอาจมีการปรับลดลงบ้างก็ตาม
หุ้นยูโอบีเพิ่ม 50 เซนต์, หุ้นโอซีบีซีขยับขึ้น 10 เซนต์ และ หุ้นดีบีเอสกรุ๊ปลดลง 20 เซนต์
หุ้นสิงคโปร์แอร์ไลน์เพิ่ม 20 เซนต์ เนื่องจากนักลงทุนต่างยินดีที่สายการบินได้รับเครื่อง Airbus A380 หลังจากที่การส่งมอบล่าช้าไปกว่า 18 เดือน
หุ้นบูชิปอย่าง เอสที เอนจิเนียริ่ง ขยับขึ้น 6 เซนต์ และ หุ้นสิงคโปร์ เพรส โฮลดิ้งส์ ขยับขึ้น 2 เซนต์
หุ้นคอสโค สิงคโปร์ เพิ่ม 80 เซนต์ ส่วนหุ้นเซมป์คอร์ป มารีน ซึ่งเป็นบริษัทแม่เพิ่ม 15 เซนต์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--