นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE ) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/64 คาดว่าจะเติบโตและทำสถิติสูงขึ้นต่อเนื่อง จากแนวโน้มปริมาณงานขนส่งทุกประเภทของธุรกิจหลัก 4 กลุ่ม ทั้งการขนส่งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และคลังสินค้า ที่ได้รับอานิสงส์จากความต้องการใช้งานโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้น โดยตลาดประเทศจีนมีแนวโน้มปริมาณงานสูงขึ้นจากการนำเข้าและส่งออกในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการขนส่งทางอากาศของอุปกรณ์กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นสินค้าหลักในการขนส่งของบริษัทยังมีความต้องการต่อเนื่องและมีมาร์จิ้นที่สูง
ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมเพิ่มปริมาณงานบริการทุกประเภท พร้อมแผนขยายฐานลูกค้าไปยังอุตสาหกรรมหลากหลายที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดี เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ จากการรองรับ 5G ที่ขยายตัวมากในเอเชีย และกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจากความต้องการเพิ่มขึ้น หลังค่ายรถยนต์ปรับโมเดลใหม่ รองรับระบบไฟฟ้า
นอกจากนี้ยังมีการขยายตัวไปยังตลาดประเทศสหรัฐฯที่มีความต้องการการขนส่งสินค้ากลุ่ม Home Appliance มากขึ้น หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศมีแนวโน้มคลี่คลาย และการอัดงบช่วยฟื้นฟูตลาดงาน มุ่งหน้าสู่การฟื้นฟูประเทศ และกระตุ้นเศรษฐกิจเต็มที่
ส่วนธุรกิจขนส่งข้ามพรมแดน (Cross Border Services) ภายใต้การบริหารงานของบริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (ETL) ยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้บริษัททยอยลงทุนสั่งซื้อตู้คอนเทนเนอร์เพิ่ม 200 ตู้ ซึ่งปัจจุบันทยอยรับมอบตู้แล้วกว่า 100 ตู้ และคาดว่าจะรับมอบครบภายในกลางปี 64 เพื่อรองรับต่อความต้องการที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น และแผนการนำบริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าจะสามารถเข้าตลาดได้ภายในปี 65
อีกทั้งบริษัทยังเดินหน้าขยายการให้บริการเพิ่มโซลูชั่นแพ็คเกจขนส่งต้นทางถึงปลายทางให้มากขึ้น โดยเน้นให้บริการขนส่งสินค้าแบบไม่เต็มตู้ (LTL) เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้าที่มีปริมาณของไม่มาก เพิ่มช่องทางสร้างรายได้และอัตรากำไรสุทธิ สำหรับรองรับงานขนส่งข้ามพรมแดนที่มีดีมานด์เพิ่มสูงขึ้น
ส่วนธุรกิจ Supply Chain ครบวงจร ทั้งงานคลังสินค้า การกระจายสินค้า การขนส่งสินค้า (Equipment) ขนาดใหญ่ ยังมีแนวโน้มที่ดี จากการขยายตัวของปริมาณงานบริหารจัดการคลังสินค้า และการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการเตรียมเปิดคลังสินค้าให้เช่าแห่งใหม่ ย่านบางนา-ตราด พื้นที่เช่าคลังสินค้า 10,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับการขยายงานในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ในอนาคต ซึ่งเตรียมเปิดให้บริการในช่วงเดือนมิ.ย. 64 และคาดว่าจะมีผู้เช่าคลังสินค้าดังกล่าวเต็ม 100% ภายในปีนี้ ซึ่งจะสร้างรายได้เพิ่มให้กับบริษัทเข้ามาอีกกว่า 100 ล้านบาท โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มลุกค้าในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอีคอมเมิร์ช
อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ของบริษัทในปีนี้จะเน้นไปที่การเข้าไปขยายธุรกิจในสหรัฐฯเป็นหลัก เพราะเป็นตลาดที่เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และมีความต้องการใช้บริการโลจิสติกส์ที่กลับมาเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด และเป็นตลาดที่มีลูกค้าอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสในการรุกเข้าไปในสหรัฐฯอย่างมากในปีนี้ เพื่อทำให้บริษัทมีการเติบโตขึ้นเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้มีรายได้เติบโต 20% หรืออยู่ที่ 4.8 พันล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 6%
"แม้ในปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย แต่บริษัทมีการบริหารจัดการงานขนส่งโลจิสติกส์ตามความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ผลงานไตรมาส 1/64 ออกมาน่าพอใจ และจำนวนลูกค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการขยายตลาดในสหรัฐฯและจีน ประกอบกับแผนการดำเนินงานที่ได้วางไว้เชื่อมั่นว่าในไตรมาส 2/64 ผลงานก็จะโตได้ต่อเนื่อง และทำให้ผลงานทั้งปีทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้"นายชูเดช กล่าว