โบรกเกอร์ต่างแนะนำ"ซื้อ" หุ้น บมจ.ช.การช่าง (CK) คาดครึ่งหลังปี 64 งานในมือ (Backlog) ฟื้นตัว และรับแนวโน้ม การเติบโตสูงในปี 65 จากคาด Backlog กลับมาแตะระดับแสนล้านบาท จากปัจจุบัน 3.08 หมื่นล้านบาท โดยปีนี้เริ่มได้งานโครงการ ขนาดใหญ่ ประเดิมด้วยโครงการรถไฟทางคุ่ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ หลังเสนอราคาต่ำสุด 2 สัญญา โดยเป็นการร่วมทุนกับ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) ในนามกิจการร่วมค้า CKST มูลค่างานรวม 4.6 หมื่นล้านบาท ในเดือน พ. ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 2-3 ปีนี้ คาดว่ารัฐจะทยอยประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง มูลค่างาน 1.16 แสนล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่างาน 1.27 แสนล้านบาท รวมทั้งงานก่อสร้างเขื่อนหลวงพระบาง 8.5-9.0 หมื่นล้านบาทใน สปป.ลาว ซึ่ง บมจ. ซีเค พาวเวอร์ (CKP) บริษัทย่อยของ CK เป็นเจ้าของงานคาดได้ข้อสรุปในไตรมาส 3/64
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 64 ในช่วง 976-1,022 ล้านบาท เติบโต 60-66.9% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 612 ล้านบาท
ราคาหุ้น CK ปิดเช้าที่ 19.80 บาท ลดลง 0.50 บาท (-2.46%) ขณะที่ดัชนี SET ปิดเช้าลบ 0.19%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เอเชียเวลท์ ซื้อ 29.20 หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อ 25.00 ทิสโก้ ซื้อ 22.50 เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซื้อเก็งกำไร 22.00 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 22.00 เอเซีย พลัส ซื้อ 22.00 ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ซื้อ 22.00
นายประสิทธิ์ รัตนกิจกมล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า CK เป็นบริษัทจะก้าวไปสู่ S-Curve ใหม่ หลังจากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมางานในมือ (Backlog) ปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 10 ปี โดยปัจจุบันมี Backlog อยู่ 30,816 ล้านบาท แต่จากนี้ไปโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐทยอยออกมาทำให้ CK มีโอกาสกลับมามี Backlog แตะระดับแสนล้าน บาท เริ่มจากปีนี้ที่ CK ร่วมกับ STEC เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดโครงการทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 2 สัญญา รวม 4.6 หมื่นล้าน บาท โดยคาดว่า CK มีสัดส่วนร่วมทุนเกิน 50%
นอกจากนี้ ยังมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ คาดเปิดประมูลในไตรมาส 3/64 มีมูลค่างานโยธา 8.9 หมื่นล้านบาท และมี งานติดตั้งระบบเดินรถ 2.7 หมื่นล้านบาทรวม 1.16 แสนล้านบาท ซึ่ง CK ค่อนข้างมั่นใจสูงว่าจะได้รับงานโครงการนี้ เพราะมี ประสบการณ์งานใต้ดิน รวมทั้งมีงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่มีงานโยธามุลค่า 9.6 หมื่นล้านบาท งานติดตั้งระบบเดินรถ 3.1 หมื่นล้าน บาท รวม 1.27 แสนล้านบาท คาดว่าประมูลในไตรมาส 3/64 เช่นกัน
อีกทั้งยังมีงานเขื่อนหลวงพระบางที่ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม CK เป็นเจ้าของงาน มีมูลค่างาน 8.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 3/64 ทั้งสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) สัมปทานจากรัฐบาล สปป.ลาว สัญญาเงินกู้ และ สัญญาก่อสร้าง
ในปีนี้คาดว่ามีกำไรสุทธิ 976 ล้านบาท เติบโต 60% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 612 ล้านบาท โดยปีนี้จะมีส่วนแบ่งกำไรจาก CKP ที่มีผลประกอบการดีขึ้นตามปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้น ส่วน BEM เชื่อจะทยอยฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังปี 64 หล้งเริ่มทยอยเปิดเมือง
ด้าน บล.เอเชียเวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/64 กำไรสุทธิในไตรมาส 2/64 มี แนวโน้มจะชะลอตัว QoQ จากปัจจัยรายได้เงินชดเชยที่ได้บันทึกในไตรมาส 1/64 จำนวน 383 ล้านบาท และรายได้จากการดำเนินงานที่ ยังคงทรงตัว QoQ แม้เริ่มรับรู้รายได้ในงานอุโมงค์ระบายน้ำในไตรมาส 2/64
ในขณะที่ YoY ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากรายได้จากบริษัทร่วมที่ฟื้นตัวดีขึ้นทั้งจาก BEM และ CKP เนื่องจากการ Lockdown ในปี 63 ที่กดดันรายได้ของ BEM แต่ปีนี้ไม่มีการล็อกดาวน์ และปริมาณน้ำสะสมที่เพิ่มขึ้นหนุนรายได้ต่อ CKP โดยในไตรมาส 1/64 มีปริมาณน้ำ ไหลเข้าเพิ่มขึ้น 17.0%YoY
ในครึ่งหลังปี 64 ทยอยฟื้นตัวจาก Backlog บริษัทคาดหมายการฟื้นตัวของรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังจาก Backlog ที่จะทยอย เข้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป โดยล่าสุดบริษัทได้รับงานอุโมงค์ระบายน้ำเพิ่มเข้ามามุลค่า 4.6 พันล้านบาท และงานรถไฟทางคู่ที่บริษัทได้ร่วมประมูลกับ STEC และได้เป็น Lowest price จำนวน 2 สัญญา มูลค่าราว 4.6 หมื่นล้านบาท รวมไป ถึงงานรถไฟฟ้าสายสีม่วง และโรงไฟฟ้าหลวงพระบางภายในปี 64 ซึ่งบริษัทคาดหมาย Backlog รวมปี 64 อยู่ที่ 1 แสนล้านบาท จาก ปัจจุบัน Backlog ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 3.08 หมื่นล้านบาท
ผลประกอบการปี 64 คาดผลประกอบการกำไรสุทธิของปี 64 อยู่ที่ 1,022 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.9%YoY จากรายได้ จากบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของ BEM และปริมาณน้ำสะสมที่ช่วยหนุน CKP และรายได้จากการดำเนินงานที่เริ่มฟื้นตัวจาก Backlog ที่เพิ่มขึ้นตามงานที่เข้ามา ซึ่งคาดรายได้ในปี 64 อยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท
"โดยเรามีมุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบการในปี 2565 จาก Backlog ที่มีแนวโน้มการฟื้นตัวค่อนข้างสูง และผลประกอบ การของบริษัทที่ผ่านช่วงต่ำสุดไปแล้ว เราจึงให้คำแนะนำ "ซื้อ" โดยมีความเสี่ยงหลักในเรื่องของการเลื่อนประมูลงานของภาครัฐ"
ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์คาด CK มีงานในมือเพิ่มขึ้นใน 2564 และจะหนุนผลประกอบการปี 65 ซึ่งตามคาด CK เริ่มมีการชนะการประมูลเพิ่มขึ้น โดยงานอุโมงค์ระบายน้ำ ได้ประกาศผู้ชนะตามด้วยรถไฟรางคู่ (เด่นชัย-เชียงของ) และคาดว่างานใน มือปีนี้จะเพิ่มขึ้นต่อในอนาคตจากการขยายตัวของงานในมือ และเป็นปัจจัยบวกสำหรับปี 2565
ปัจจุบัน CK มีงานในมือ 3.08 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ 2.62 หมื่นล้านบาทในสิ้นไตรมาส 1/64 หลังจากเซ็นสัญญางาน อุโมงค์ระบายน้ำมูลค่า 4.6 พันล้านบาท นอกจากนี้ CKST (บริษัทร่วม CK-STEC) เป็นผู้ประมูลราคาต่ำสุดของงานรถไฟรางคู่สัญญาที่ 2 และ 3 มูลค่า 2.69 หมื่นล้านบาท และ 1.94 หมื่นล้านบาทตามลำดับ คาดว่าจะเซ็นสัญญาในเดือน ก.ค. นอกจากนี้ ยังมีงานที่รอประมูล อีกหลายโครงการ เช่น เขื่อนหลวงพระบางในลาวมูลค่า 9 หมื่นล้านบาทคาดเซ็นปีนี้, สายสีส้มและม่วงคาดช่วงไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 3 ปี 64
พร้อมคาดงานในมือสิ้นปีจะเพิ่มขึ้นเกิน 1 แสนล้านบาท รายได้จากการก่อสร้างในช่วงไตรมาส 2/64 จะคงที่ QoQ แต่จะมี รายได้จากเงินปันผลของ TTW เข้ามาหนุน และการดำเนินงานหลักไม่รวมรายการพิเศษจะยังเพิ่มขึ้น QoQ ในช่วงไตรมาส 2/64 ด้าน การก่อสร้างโครงการใหม่จะเริ่มในไตรมาส 3/64 และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง จากงานใหม่ ๆ ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องและหนุนปี 65-66