นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ (MEGA) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ากำไรในปีนี้จะเติบโต 6-10% ตามแผนงานที่วางไว้ เนื่องจากยอดขายเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในไตรมาส 1/64 และในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.64 เนื่องจากบริษัทมีแผนเพิ่มยอดขายในสินค้าเดิม และลงทุนในผลิตภัณฑ์ยาหลายประเภทเพิ่มขึ้น ประกอบกับในช่วงครึ่งปีหลังหากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายคาดว่าผู้บริโภคจะเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสินค้าในร้านยามากขึ้น
ดังนั้น บริษัทจึงยังคงตั้งเป้ามีกำไรสุทธิในปี 68 แตะ 2,400 ล้านบาท
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ตลาดในประเทศคิดเป็น 30% และ ตลาดต่างประเทศ 70% โดยตลาดหลักของบริษัท ประกอบด้วย ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ ตลาดแอฟริกาที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต เช่น ไนจีเรีย กาน่า เป็นต้น ตลาดอเมริกาใต้ เช่น เปรู โคลอมเบีย รวมถึงการขยายไปยังอุซเบกิสถานและยูเครนอีกด้วย
นายวิเวก ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินธุรกิจในประเทศเมียนมาว่า บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจต่อไป เนื่องจากมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ยายังคงเป็นสินค้าที่จำเป็นในตลาดเมียนมา ที่ผ่านมาแม้จะมีสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศส่งผลให้เที่ยวบินและเที่ยวเรือลดลง แต่ทางบริษัทในเมียนมายังคงนำเข้าและกระจายสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ตลาดในประเทศอินโดนีเซียที่บริษัทได้เข้าลงทุนใน PT Futamed Pharmaceuticals ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ปัจจุบันเริ่มขึ้นทะเบียนผลิตยาไปบ้างแล้ว และคาดว่าภายใน 2-3 ปีจะเห็นใบอนุญาตผลิตยาเพิ่มขึ้น
ในปีนี้บริษัทมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ราว 6-10 รายการเช่นเดียวกับที่ดำเนินการมาเป็นปกติทุกปี แต่อย่างไรก็ตามสินค้าที่ออกใหม่ช่วงปีแรกจะยังทำยอดขายได้ไม่มากนัก จึงจำเป็นต้องทำให้สินค้าติดตลาดและผู้บริโภคเชื่อมั่นก่อน โดยปกติจะเห็นการเติบโตใน 2-3 ปี
ส่วนผลิตภัณฑ์จากกัญชงนั้น ทางบริษัทเตรียมพร้อมยื่นใบขออนุญาตจำหน่ายสินค้า รวมไปถึงมีความพร้อมในด้านเทคโนโลยีและทีมงาน โดยวางแผนจะนำมาผลิตป็นยาและเครื่องดื่ม แต่อย่างไรก็ตามยังคงรอความชัดเจนจากกฎหมายภาครัฐก่อน