นางสาวรวิภา บุญอยู่ นักลงทุนสัมพันธ์อาวุโส บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) เปิดเผยว่า ทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/64 ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกที่สามอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนปรับตัวลดลง โดยเฉพาะในส่วนของ Big C แต่อย่างไรก็ตาม แพ็คเกจจิ้งในกลุ่มขวดแก้วได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมา และจับกลุ่มลูกค้าใหม่อย่างฟังก์ชั่นนัลดริงก์ที่กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้น ส่วนธุรกิจกระป๋องมีสินค้าใหม่ออกมาก็ได้รับผลตอบรับจากตลาดค่อนข้างดี ส่วนธุรกิจขนมขบเคี้ยวยังคงมีการเติบโต ขณะที่ธุรกิจกระดาษทิชชูได้ขยายกำลังการผลิตโรงงานในประเทศไทย โดยเพิ่มการผลิตอีก 50% จาก 4.6 หมื่นตัน/ปี เป็นเกือบ 7 หมื่นตัน/ปี กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะเข้ามาหนุนให้กลุ่มนี้ยังมีการเติบโต ส่วนกลุ่มสินค้าสุขอนามัย (Healthcare and Technical Supply Chain) ยังเห็นการเติบโตในช่วงที่ผ่านมา BJC คาดว่ากำลังซื้อในช่วงครึ่งปีหลังจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่การกระจายตัวของวัคซีนมากขึ้น และสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4/64 ที่คาดว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆได้แล้ว "การประเมินภาพรวมผลประกอบการทั้งปียังคงทำได้ยากในปัจจุบัน โดยบริษัทยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าจะสามารถควบคุมโควิด-19 ได้เร็วแค่ไหน ขณะที่การฉีดวัคซีนเองต้องดูว่าเป็นไปตามแผนหรือไม่ โดยทุกๆกลุ่มของบริษัทมีทิศทางที่เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามเราได้รับผลกระทบในส่วน Big C เพราะกำลังซื้อของประชาชนลดลง แต่ก็เชื่อว่าครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวได้"นางสาวรวิภา กล่าว