ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) หลังจากนาย เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า ภาวะถดถอยที่เกิดขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นสาเหตุสำคัญที่ "ฉุดเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ"
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 71.86 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 13,912.94 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 รูดลง 10.18 จุด หรือ 0.66% ปิดที่ 1,538.54 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 16.14 จุดหรือ 0.58% ปิดที่ 2,763.91 จุด
ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.29 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.13 พันล้านหุ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กมีปฏิกริยาในด้านลบต่อการที่นายเบอร์นันเก้กล่าวสุนทรพจน์ที่สมาคมเศรษฐกิจนิวยอร์กว่า การทรุดตัวลงของตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจฉุดเศรษฐกิจของสหรัฐให้ "ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ" ไปจนถึงปีหน้า และกว่าที่ตลาดวอลล์สตรีทจะฟื้นตัวขึ้นอย่างเต็มที่หลังจากถูกกระทบจากวิกฤตการณ์สินเชื่อนั้น จะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
"สภาวะในตลาดการเงินฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้วนับตั้งแต่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในช่วงกลางเดือนส.ค. แต่คาดว่ากว่าที่ตลาดจะฟื้นตัวขึ้นอย่างเต็มที่นั้น อาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งกว่าจะถึงเวลานั้นเราคงเห็นตลาดชะลอตัวลงบ้างในบางครั้ง" เบอร์นันเก้กล่าว
นอกจากนี้ เบอร์นันเก้กล่าวว่า "นับตั้งแต่การประชุมเฟดในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ตลาดอสังหาริมทรัพย์ทรุดตัวลงหนักสุดในรอบ 16 ปี ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสที่ 4 และอาจลุกลามไปจนถึงต้นปีหน้า"
นายฮิวจ์ จอห์นสัน ผู้บริหารของบริษัทจอห์นสัน อิลลิงตัน แอดไวเซอร์สกล่าวว่า "การแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันเก้ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าวิกฤตการณ์สินเชื่อที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมานั้น อาจลุกลามไปจนถึงช่วงฤดูหนาวปีนี้ และอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทเอกชน ขณะที่นายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐ ยังแสดงความคิดเห็นที่สอดคล้องกับเบอร์นันเก้ว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง"
"นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และรายงานจากสมาคมธุรกิจสร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐที่ระบุว่า ยอดขายบ้านในสหรัฐมีแนวโน้มลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 และอาจแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปี 2528"
ทั้งนี้ หุ้นยาฮูดีดขึ้น 8% หลังจากบริษัทรายงานว่าผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ระดับ 11 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 8 เซนต์ต่อหุ้น ขณะที่หุ้นอินเทลร่วงลง 27 เซนต์ ปิดที่ 25.48 ดอลลาร์ หลังจากบริษัทเปิดเผยผลกำไรต่อหุ้นที่ระดับ 31 เซนต์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้เพียงเล็กน้อย
ดัชนีหุ้นกลุ่มผู้สร้างบ้านร่วงลง 3.5% โดยหุ้นดี.อาร์. ฮอร์ตัน อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทสร้างบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ดิ่งลง 5.3% หลังจากที่บริษัทเปิดเผยยอดสร้างบ้านใหม่รายไตรมาสลดลง 39%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--