ภาวะตลาดหุ้นสิงคโปร์: สเตรทส์ไทม์ปิดบวก 52.66 จุดตามตลาดหุ้นนิวยอร์ก

          ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ (23 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนได้กำลังใจจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ และพากันกลับเข้ามาเลือกซื้อหุ้นในตลาดอีกครั้ง หลังจากที่ดัชนีปิดร่วงลงเมื่อวานนี้
          ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงและการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด จะปรับลดดอกเบี้ยอีกในช่วงสิ้นเดือนนี้ ก็ส่งผลต่อบรรยากาศการซื้อขายด้วยเช่นกัน
          สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีสเตรทส์ไทม์ปิดขยับขึ้น 52.66 จุด หรือ 1.4% ที่ระดับสูงสุดของวันที่ 3,695.30 จุด จากระดับต่ำของวันที่ 3,646.21 จุด 
          ปริมาณการซื้อขาย 2.1 พันล้านหุ้น มูลค่า 2.8 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์
          นาจี๊บ จาร์ฮอม หัวหน้าฝ่ายวิจัยตลาดค้าปลีกของเฟรเซอร์ ซีเคียวริตี้ กล่าวว่า ตลาดกำลังให้ความสนใจกับการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสสาม รวมถึงการประชุมของเฟดในสัปดาห์หน้า เขากล่าวว่า เฟดจะต้องนำเรื่องการเคลื่อนไหวอย่างผันผวนของตลาดมาประกอบการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ย เนื่องจากตลาดหุ้นคือตัวชี้วัดที่ดีที่สุดสำหรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
          โดยการปรับลดดอกเบี้ย 0.25% อาจส่งผลให้ตลาดมีเสถียรภาพ แต่ถ้าหากเฟดตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยก็อาจทำให้ตลาดหุ้นอยู่ภายใต้แรงกดดันต่อไป
          อย่างไรก็ดี เขาคาดว่าตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะยังคงผันผวนต่อไปในระหว่างที่รอคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) ประชุมกันในวันที่ 31 ตุลาคมนนี้  
          หุ้นกลุ่มแบงก์เป็นแกนนำให้ดัชนีดีดตัวขึ้นแดนบวกในวันนี้ โดยหุ้นดีบีเอส กรุ๊ป ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปิดเพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หุ้นยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ แบงก์ บวก 10 เซนต์ และโอเวอร์ซี-ไชนีส แบงกิ้ง คอร์ป ขยับขึ้น 10 เซนต์
          ส่วนหุ้นบลูชิปอื่นๆก็เดินหน้าขึ้นเช่นกัน โดยสิงคโปร์ เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ บวก 14 เซนต์ สิงคโปร์ เอ็กซ์เชนจ์ เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ และเอสที เอ็นจิเนียริ่ง ขยับขึ้น 14 เซนต์