นายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.อี รีท เมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์อัลไล (ALLY) เปิดเผยว่า ALLY มีแผนขยายนโยบายการลงทุนนอกเหนือจากการลงทุนในทรัพย์สินรีเทล โดยจะเน้นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ด้วยธีม "Live-Work-Play" โดยขณะนี้บริษัทได้มีการเจรจาและคัดเลือกทรัพย์สินประเภทอาคารที่เข้าธีมลงทุนบ้างแล้ว 3-4 โครงการ พร้อมทั้งศึกษาการลงทุนในคลังสินค้าและตลาดเพิ่มด้วย
สินทรัพย์ที่ ALLY จะเข้าลงทุนเป็นทรัพย์สินหลัก 3 ประเภท คือ 1.คอมมูนิตี้มอลล์ หรือคอมมูนิตี้เซ็นเตอร์รีเทลที่เป็นช็อปปิ้งมอลล์ 2.พื้นที่สำนักงานที่มีความทันสมัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และ 3. เทรนด์อีคอมเมิร์ซ และโลจิสติกส์ประเภท Last Mile
ทั้งนี้ ในปี 65 บริษัทวางแผนการขยายพอร์ตการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยอาจมีการเพิ่มทุนและเพิ่มวงเงินกู้ ซึ่งขณะนี้บริษัทได้มีการพูดคุยเจรจากับเจ้าของโครงการที่มีความสนใจอยากนำทรัพย์สินเข้ากอง ALLY บ้างแล้ว
นายกวินทร์ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังคงดำเนินงานตามกลยุทธ์เดิม คือ "Synergy made Growth" ให้ความช่วยเหลือผู้เช่า และพันธมิตรให้สามารถอยู่รอดและเติบโตไปด้วยกัน แม้บริษัทจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 โดยในไตรมาส 2/64 บริษัทมีอัตราการเช่า (Occupancy Rate) ใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมาที่ 94.4% และเพิ่มส่วนลดค่าเช่าเป็น 10-15% จากไตรมาสที่ผ่านมามีส่วนลด 10% รวมถึงเพิ่มการทำการตลาด และร่วมมือกับอาลีบาบาเพื่อเพิ่มความสามารถทางเทคโนโลยีให้แก่ผู้เช่าด้วย
นอกจากนี้บริษัทยังวางแผนเพิ่มพื้นที่เช่าด้วย รวมทั้งมีแผนปรับปรุงพื้นที่ทั้งหมด 2 โครงการ คือที่ Plearnary Mall และ I'm Park ซึ่งทั้งสองแห่งอยู่ระหว่างการดำเนินงานในการปรับพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่ขาย โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2-3/64 นี้ ใช้งบลงทุน 10 ล้านบาท และ 4 ล้านบาทตามลำดับ
ส่วนการลงทุนในโครงการใหม่มีทั้งหมด 3 โครงการ โดยเป็นงบการลงทุนจากวงเงินกู้ธนาคาร คือ 1.โครงการ Kad Farang ที่จังหวัดเชียงใหม่ บริษัทได้เข้าลงทุนแล้วในช่วงต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาด้วยงบลงทุน 390 ล้านบาท โดยคาดการณ์ IRR อยู่ที่ประมาณ 9.3% และ Entry yield ที่ประมาณ 7.7% โดยมีอัตราการเช่า (Occupancy Rate) อยู่ที่ 80.6% และมีค่าเช่า (Average Rental Rate) อยู่ที่ 320 บาท
2.โครงการ The Crystal ราชพฤกษ์ จังหวัดนนทบุรี ที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานขั้นสุดท้ายในการเข้าลงทุน โดยมีมูลค่าการลงทุนที่ 280 ล้านบาท และมีการประเมิน IRR อยู่ที่ประมาณ 9% และ Entry yield ที่ประมาณ 7.7% คาดว่าสามารถเข้าลงทุนได้ในไตรมาส 3/64 นี้ และ 3.โครงการอาคาร Mixed-Use หัวลำโพง ที่เป็นทั้งออฟฟิศ และรีเทล มีมูลค่าการลงทุนที่ประมาณ 180 ล้านบาท โดยคาดการณ์ Entry yield ไว้ที่ประมาณ 10.1% คาดสามารถดำเนินงานแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/64 นี้