ในขณะเดียวกันยังได้เร่งติดตั้งเครื่องจักรเพื่อผลิตและจำหน่ายทุ่นลอยน้ำ คาดว่าจะสามารถเริ่มเดินเครื่องการผลิตได้ในไตรมาส 4/64 พร้อมรับรู้รายได้ทันที ซึ่งปัจจุบันมีคำสั่งซื้อแล้ว 1-2 ราย เชื่อว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามความต้องการของตลาด จึงตั้งเป้าภายใน 2-3 ปีข้างหน้าจะมีสัดส่วนรายได้เข้ามาเป็น 10% ของรายได้รวม
ขณะที่ทิศทางผลประกอบการในปี 64 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตจากปี 63 ที่มีรายได้ 995.12 ล้านบาท โดยได้ปัจจัยหนุนหลักจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กลับมาฟื้นตัว และอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ยังมีทิศทางที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น เชื่อว่าจะหนุนให้ทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/64 เติบโตอย่างต่อเนื่องด้วย
ในขณะเดียวกันบริษัทเริ่มรับรู้รายได้จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มการเกษตรคือถุงปลูกต้นไม้ที่ช่วยให้อัตราผลิตเติบโตสูงขึ้น และสามารถย่อยสลายได้ รวมไปถึงฟิล์มคลุมโรงเรือนที่สามารถปรับให้เหมาะสมกับการปลูกพืชแต่ละชนิดได้อย่างเหมาะสม อาทิ เมล่อน มะม่วง กล้วย ทุเรียน และดอกกุหลาบ เป็นต้น ในขณะเดียวกันอยู่ระหว่างการพัฒนาให้รองรับกับการปลูกกัญชาและกัญชงด้วย
ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 60,000 ตันต่อปี อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ 65-70% จำหน่ายสินค้าไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนที่เหลืออยู่ในกลุ่มอื่นๆ
บริษัทเน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร อัตราดอกเบี้ยจ่ายที่ปรับตัวลดลง พัฒนาขั้นตอนการผลิต พัฒนาคุณภาพสินค้า รวมไปถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีอัตราการทำกำไรสูงออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น และหนุนให้ทิศทางอัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับสูงขึ้น เห็นจากช่วงไตรมาส 1/64 อัตรากำไรสุทธิที่ 7.81% สูงกว่าปี 63 ที่ทำได้ 5.59%