นายกมล บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.ทีพีบีไอ (TPBI) เปิดเผยว่าบริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้มากกว่า 5,000 ล้านบาท จากปีก่อน 5,425 ล้านบาท หลังออเดอร์เริ่มทยอยกลับเข้ามา สอดคล้องกับตลาดต่างประเทศที่ฟื้นตัวตามแผนการฉีดวัคซีน
ด้านธุรกิจกลุ่มสินค้าที่ใช้แล้วหมดไป (Consumables) ซึ่งส่วนมากเป็นสินค้าประเภทถุงพลาสติก จะมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ลดการพึ่งพิงสินค้าเพียงชนิดใดชนิดหนึ่ง รวมไปถึงจะผลิตสินค้าที่มีความเฉพาะตัวมากขึ้นและเจาะลงไปในบางตลาด ประกอบกับมีการเติบโตของตลาด E-commerce ทั้งโลกหลังเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ความต้องการบรรจุภัณฑ์ต่างๆ เติบโตตามไปด้วย และสินค้าของบริษัทยังมีจุดเด่นคือการบอกเปอร์เซนต์การรีไซเคิลในแต่ละสินค้า ทำให้สามารถส่งออกในตลาดอเมริกา ออสเตรเลีย หรือยุโรปได้มากขึ้น
สำหรับกลุ่มบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน (Flexibles) สินค้า Flexible Packaging ยังเติบโตตามธุรกิจ E-commerce และสินค้า Blow Film ยังคงเห็นการเติบโตในอนาคต โดยมีการพูดคุยกับลูกค้าในเชิงกลยุทธ์มากขึ้น เพื่อให้มีอัตรากำไรที่ดีขึ้นทั้งสองฝ่าย และยังมีการเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อที่จะลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลงอีกด้วย
และธุรกิจกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์กระดาษ (Paper) เป็นไปตามการคาดการณ์ของบริษัท โดยคาดว่าสถานการณ์ในยุโรปจะฟื้นตัวเร็วในช่วงครึ่งปีหลัง ตามการกระจายวัคซีนที่มีคุณภาพและรวดเร็ว ทำให้ในปัจจุบันยอดผู้ติดเชื้อมีจำนวนลดลง และเริ่มมีออเดอร์เพิ่มเข้ามาแล้วตามเศรษฐกิจฟื้นตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นออเดอร์ในกลุ่ม Fastfood หรือ Foodservice
ในส่วนของโรงงานในประเทศอังกฤษ สามารถกลับมาดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบ หลังจากมีการล็อกดาวน์ไปในไตรมาส1/64 นอกจากนี้ยังมีการหา Supplier ใหม่ๆ เข้ามาเสริม รวมไปถึงการเพิ่มจำนวนพนักงานให้มากขึ้น เพื่อรองรับกับออเดอร์ที่กำลังจะกลับเข้ามามากขึ้นด้วย
ด้านราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเม็ดพลาสติก ฟิล์ม หรือ กระดาษ ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วต่อเนื่องมาถึงไตรมาส 1/64 แต่ในไตรมาส 2/64 คาดว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น เนื่องจากเริ่มเห็นราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลงไปบ้าง และทางบริษัทเริ่มมีการปรับราคาสินค้ากับลูกค้าบางรายได้แล้ว และในส่วนที่เหลือก็ยังจะดำเนินการเจรจาต่อไป