บมจ.เอสเอ็มซี มอเตอร์ส(SMC) คาดปี 50 บริษัทจะขาดทุนลดลงจากปีก่อนที่ขาดทุน 60.14 ล้านบาท ส่วนรายได้คาดไว้ประมาณ 1.8-1.9 พันล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงปีก่อนที่มี 1.87 พันล้านบาท แต่ปี 51 คาดบริษัทจะพลิกฟื้นมีกำไร และรายได้คาดจะเติบโตราว 20% หรือมีรายได้อย่างน้อย 2 พันล้านบาท จาก 2 ธุรกิจใหม่คือ ขายรถจักรยานยนต์ของจีน และ ธุรกิจไอที เข้ามาเสริมรายได้และกำไร ซึ่งจะเริ่มเปิดตัวทั้งสองธุรกิจในปลายเดือนต.ค.นี้ ประเมินภายในปี 52-53 ธุรกิจฟื้นตัวอย่างจริงจัง
ขณะที่การขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง(PP) จำนวน 264.44 ล้านหุ้น ผู้บริหารยอมรับว่าขายได้ลำบาก เพราะผลประกอบการบริษัทประสบปัญหามาหลายปี แต่ก็จะทยอยขาย ซึ่งขณะนี้กำลังเจรจาอยู่ 1 ราย และตั้งเป้าว่าจะขายได้บางส่วนภายในสิ้นปีนี้ เพื่อระดมทุนนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
"ปีนี้โชคไม่ดี ที่ว่าเรื่องราคาน้ำมันสูง และเรื่องการเมืองด้วย การลงทุนไม่ค่อยมี และ Premium Car ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการลงทุนต่างประเทศ ไม่มีการใช้จ่าย แต่ช่วงนี้รถ Premium ทุกยี่ห้อชะลอตัว แม้ว่าเป็นธุรกิจที่ลำบากแต่ก็คงไม่ทิ้ง เราเป็นตัวแทนมานาน แต่อาจจะต้องปรับปรุงเพื่อลี้ยงตัวได้ ตอนนี้ยังไม่ break event" นายธีรเดช สกุลณียา กรรมการผู้จัดการ SMC ให้สัมภาษณ์กับ"อินโฟเควสท์"
แนวโน้มรายได้ปี 51 จะเติบโตจาก 2 ธุรกิจใหม่ที่จะเปิดตัวในปลายปีนี้ ทั้งการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์จากจีน และธุรกิจไอที ที่จะเริ่มจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ PDA และโทรศัพท์พื้นฐาน VOIP ของค่ายมีเดีย-เอ็กซ์ คาดว่าจะทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท และทำให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 2 พันล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปีนี้ หลังจากสถานการณ์การเมืองคลี่คลาย และภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
"กำไรเฉพาะผลประกอบการปีหน้า น่าจะเป็นบวก แต่มากน้อยเท่าไรยังไม่รู้เนื่องจากเป็นธุรกิจใหม่เราไม่สามารถฟันธงได้ แต่เป็นบวกแน่นอน ส่วนปีนี้ ไม่น่าจะเป็นบวก ก็ยังขาดทุนต่อแต่อาจจะลดลงมาพอสมควร เพราะเรามีภาระค่าเสื่อมค่าดอกเบี้ยสูง ปีหน้าเราจะมีมาร์จิ้นจากธุรกิจใหม่มา cover fixed cost ได้" นายธีรเดช กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดหวังว่าทั้งสองธุรกิจใหม่มีมาร์จิ้นดีก็มีโอกาสที่ช่วยบริษัท Turn around คาดว่าใช้เวลา 1-2 ปี หรือภายในปี 52-53 จะฟื้นตัวได้
*2 ธุรกิจใหม่มีมาร์จิ้นมากกว่า 20% เปิดตัวปลายเดือนต.ค.นี้
นายธีรเดช กล่าวว่า จากสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อต่อธุรกิจรถยนต์ระดับสูง บริษัทจึงต้องเพิ่มธุรกิจใหม่เข้ามาเพิ่มรายได้และกำไรของบริษัทเพื่อพยุงให้กิจการไปได้ต่อเนื่อง โดยทั้งสองธุรกิจใหม่จะมีมาร์จิ้นมากกว่า 20% ส่วนธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์วอลโว่ คาดปีนี้จะมียอดขาย 1.8-1.9 พันล้านบาท ซึ่งมีมาร์จิ้นไม่เกิน 5% แต่ยังมีค่าใช้จ่ายมาก
ในช่วงปลายเดือน ต.ค.นี้ จะเปิดตัวรถมอเตอร์ไซด์จากจีน โดยล็อตแรกคาดว่าจะขายได้ 400 คันในช่วงนี้จนถึงสิ้นปี 50 และในปี 51 ตั้งเป้ายอดขาย 1.5 หมื่นคัน น่าจะทำกำไรไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท โดยจะนำเข้าอุปกรณ์ชิ้นส่วนจากจีนและนำมาประกอบในไทย ใช้ชื่อยี่ห้อ"Stallion"มีความหมายว่าม้าในเทพนิยาย
ทั้งนี้ จะเป็นรถจักรยานยนต์รุ่น 105 ซีซี และ รุ่น 125 ซีซี ราคา 35,000 -40,000 บาท/คัน ต่ำกว่าราคาคู่แข่ง 7,000-10,000 บาท/คัน จะจำหน่ายผ่านตัวแทน ซึ่งขณะนี้มี 5 ราย และขายตรงเอง เจาะตลาดระดับกลางถึงล่าง และไม่ขายแข่งกับรายใหญ่
"มอเตอร์ไซด์ คาดว่าปีหน้าจะขายได้ 1.5 หมื่นคัน เรามี Niche Market ของเรา เช่น ขายเป็นล็อต เป็นสวัสดิการ และ ขายผ่อน ซึ่งติดต่อกับทางอิออน ไว้แล้ว"นายธีรเดชกล่าว
ส่วนธุรกิจไอที ได้มีการจัดตั้ง บริษัท เอสเอ็มซี คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด จะมีผลิตภัณฑ์แรกเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ PDA Phone ที่สามารถใช้ระบบ WIFI ได้ นำเข้าจากบริษัท มีเดีย-เอ็กซ์ จำกัดของมาเลเซีย จำหน่ายราคาเครื่องละประมาณ 16,000 บาท และโทรศัพท์แบบตั้งโต๊ะ VDO Phone หรือ VOIP โดยจะให้ลูกค้าโทรฟรี(VOIP)ผ่าน Server ของบริษัท ปีแรกไม่คิดค่าบริการ แต่ต่อไปอาจจะคิดค่าบริการประมาณ 100 บาท/เดือน เลือกได้ทั้งแบบเห็นภาพหรือไม่เห็นภาพเคลื่อนไหว
นายธีรเดช กล่าวว่า จะเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่ในปลายเดือนต.ค.นี้ โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้แก่ บริษัทใหญ่ ที่มีการใช้โทรศัพท์มาก หรือมีสาขาย่อยอยู่ทั่วประเทศ, หน่วยงานราชการ คาดจะมีรายได้ประมาณ 5-6 ล้านบาทในไตรมาส 4/50
ขณะที่ธุรกิจเดิม คือเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์วอลโว่ก็ยังทำอยู่ โดยมีสำนักตัวแทนอยุ่ 3 แห่ง ได้แก่ สีลม สุขุมวิท และชลบุรี ซึ่งมี SMC มีส่วนแบ่งตลาดในการจำหน่ายรถวอลโว่ อยู่ 50%
*คาดขายหุ้น PP ได้บางส่วนภายในปีนี้
ผู้บริหาร SMC กล่าวถึงความคืบหน้าการขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 264.44 ล้านหุ้น ให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง(PP) จะไม่ขายทั้งล็อต ตอนนี้มีอยู่ 1 รายที่อยู่ระหว่างเจรจา ซึ่งตั้งเป้าว่าจะขายหุ้นให้ได้ในธ.ค.นี้
ทั้งนี้ บริษัทต้องการเงินทุนหมุนเวียนเบื้องต้นประมาณ 80-100 ล้านบาท เพื่อใช้ในสองธุรกิจใหม่ โดยธุรกิจมอเตอร์ไซด์ คาดใช้ 50 ล้านบาทเพื่อนำมาใช้ในการสร้างโรงงานประกอบ และการสั่งซื้ออุปกรณ์อะไหล่นำเข้า ส่วนธุรกิจไอทีต้องใช้เงินทุนในการนำเข้าสินค้า
"เราน่าจะทยอยขาย ทาง advisor ไปดำเนินการก็ยังไม่มีความคืบหน้าเท่าไร แต่ตอนนี้ก็มีเจรจาอยู่รายหนึ่ง... แต่ถ้ายังขายไม่ได้ เราก็ยังมีเงินหมุนเวียนอยู่พอสมควร เพราะธุรกิจใหม่จะไม่ใช้เงินมาก เราก็ปรับแผนค่อยเป็นค่อยไป แผนที่เราทำกับธุรกิจใหม่เป็นแผนที่ไม่โลดโผน"นายธีรเดช กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายธีรเดช ยอมรับว่าการขายหุ้นเพิ่มทุนทำได้ยาก เพราะขณะนี้ยังไม่เห็นอนาคตบริษัท อย่างไรก็ดี บริษัทพยายามหาทางนำธุรกิจใหม่มาเพื่อทำมาร์จิ้นให้เป็นบวก ถึงแม้ว่าจะยังมีผลขาดทุนสะสมอยู่ อย่างน้อยก็เป็นสัญญาณที่ดี
"บริษัทเราขาดทุนมาหลายปี ตรงนี้การที่จะ Turn around ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้วันนี้พรุ่งนี้ เพราะบริษัทที่ขาดทุนติดต่อมานาน cash flow ก็มีจำกัด และเมื่อเราจะทำธุรกิจใหม่ก็ต้องมีเงินทุนใหม่ที่เข้ามาหมุนเวียน...แต่ก็ไม่น่าหนักใจ เพราะ asset เรามีอยู่ เพียงแต่ว่าเราจะจัดการให้กิจการฟื้นขึ้นมาได้อย่างไร ก็ต้องอาศัยธุรกิจใหม่อย่างที่ผมบอก เราคิดว่ามาถูกทางแล้ว" นายธีรเดช กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีหนี้กับธ.กรุงไทย 190 ล้านบาท ซึ่งจะจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยจนถึงก.พ.51 หลังจากต้องจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย แต่บริษัทก็มีสินทรัพย์มากกว่าหนี้สิน 3 เท่า อาจขายสินทรัพย์บางส่วนเพื่อใช้ชำระหนี้และลดภาระดอกเบี้ยจ่าย ขณะเดียวกันยังไม่มีแผนล้างขาดทุนสะสม โดยจะรอให้ผลประกอบการดีกว่านี้ก่อน
ณ สิ้นมิ.ย.50 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 944.56 ล้านบาท หนี้สินรวม 388.62 ล้านบาท และขาดทุนสะสม 1.88 พันล้านบาท ส่วนผลประกอบการมีรายได้รวม 800.91 ล้านบาท ขาดทุนจากการดำเนินงาน 56.01 ล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--