นางสาวเกวลี ทองสมอางค์ หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะเห็นการเติบโตขึ้นจากครึ่งปีแรก หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในต่างประเทศคลี่คลายลง โดยเฉพาะในสหรัฐฯและยุโรปเริ่มกลับมาเปิดเมืองแล้ว หลังจากที่มีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก ทำให้ส่งผลบวกต่อธุรกิจของบริษัททั้งในส่วนของธุรกิจอาหารแช่แข็ง ธุรกิจอาหารสัตว์ และธุรกินร้านอาหารทะเล Red Lobster เริ่มเห็นการฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นตั้งแต่ต้นไตรมาส 2/64 เป็นต้นมา และคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง หลังจากหลายประเทศเดินหน้าเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 และมีโอกาสเปิดเมืองได้อย่างเต็มที่มากขึ้น
ดังนั้น บริษัทจึงมั่นใจว่ายอดขายในปีนี้ยังคงสามารถทำได้ตามเป้าหมายเติบโต 3-5% จากปีก่อน และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17% ซึ่งการรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้เป็นไปตามเป้าหมายได้นั้น จะต้องมีการเน้นการขายสินค้าที่ให้มาร์จิ้นสูงเข้ามาช่วยผลักดันอัตรากำไรขั้นต้น อย่างเช่น สินค้านวัตกรรมในกลุ่มอาหารสัตว์ที่มีห้มาร์จิ้นในระดับสูง รวมถึงการควบคุมต้นทุนต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเป็นไปตามเป้าหมาย
สำหรับธุรกิจร้านอาหารทะเล Red Lobster ในสหรัฐฯ แม้ว่าในปัจจุบันการเปิดเมืองในสหรัฐฯจะทำให้ลูกค้าสามารถกลับเข้ามานั่งทานอาหารในร้านได้ และทำให้ธุรกิจดังกล่าวเริ่มมีกำไร แต่ก็ยังมีผลกระทบในเรื่องฤดูกาลของธุรกิจที่อาจทำให้ยอดขายชะลอไปบ้าง โดยที่บริษัทประเมินว่าธุรกิจร้านอาหารทะเล Red Lobster ในสหรัฐฯจะยังคาดทุนราว 600 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งลดลงจากปีก่อนที่ขาดทุนไป 1.2 พันล้านบาท
ส่วนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชง ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการศึกษาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ แต่ยังไม่มีความชัดเจนออกมาว่าจะเริ่มผลิตนำออกมาจำหน่ายได้ช่วงใด แต่บริษัทยังคงเดินหน้าสร้างนวัตกรรมอาหารใหม่ๆออกมาเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มสินค้าที่เพิ่มมูลค่า และให้มาร์จิ้นที่สูงมากกว่า 20% โดยที่ตามเป้าหมาย 5 ปีของบริษัท หรือภายในปี 68 บริษัทตั้งเป้ามีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มสินค้านวัตกรรมที่มีมาร์จิ้นสูงกว่า 20% เพิ่มเป็น 10% ของรายได้รวม เพื่อทำให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) เพิ่มเป็น 450-550 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 68
ด้านงบลงทุนในปี 64 ที่ตั้งไว้ 6-6.5 พันล้านบาท บริษัทจะทยอยใช้ลงทุนใน 3 โครงการ ได้แก่ การลงทุนในโครงการโปรตีนจากพืช การลงทุนโรงงานอาหารสำเร็จรูป และโครงการห้องเย็นในกาน่า ซึ่งเป็นการทยอยลงทุนในปีนี้ทั้งหมด