(เพิ่มเติม) TICON คาดปี 51 กำไรโตตามพื้นที่ให้เช่าโรงงานที่ขยาย 25% จาก 6 แสนตร.ม.

          นายวีระพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น(TICON) คาดว่า ปี 51 กำไรของบริษัทจะเติบโตใกล้เคียงกับปริมาณการขยายพื้นที่ให้เช่าโรงงานที่คาดว่าพื้นที่น่าจะเพิ่มขึ้น 25% จากปีนี้ที่มีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 6 แสนตารางเมตร(ตร.ม.)
          ขณะที่ในด้านรายได้จะเติบโตราว 10-15% มาที่ 3.7-4.0 พันล้านบาท จากปีนี้ที่เชื่อว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ 3.3-3.4 พันล้านบาทจากการขยายพื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้น และการขยายเฟสใหม่คลังสินค้าให้เช่าในปีหน้าเพิ่มขึ้น ทั้งที่บางนา-ตราด และ วังน้อย (โลจิสติกส์) 
          ส่วนกำไรสุทธิในปี 50 คาดจะมีมากกว่า 900 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 870 ล้านบาท โดยจะมีกำไรจากการขายกองทุน TFUND จำนวน  600 ล้านบาท ที่จะบันทึกเป็นกำไร ในไตรมาส 4 นี้ รวมถึงกำไรที่เกิดจากการขายโรงงานให้กับผู้เช่าเดิม จำนวน 6 โรงในช่วงครึ่งปีหลังจำนวน 200 กว่าล้านบาท จากครึ่งปีแรกทีขายไปแล้ว 6 โรง จำนวน 200 กว่าล้านบาท เช่นกัน
          สำหรับโครงการที่บางนา-ตราด เป็นโครงการที่มีระยะเวลาดำเนินการทั้งสิ้น  3 ปี (ปี 50-52) จำนวน 450 ไร่ โดยจะเปิดเฟสแรก 2.6 หมื่น ตร.ม.จากพื้นที่ทั้งโครงการ 2.5 แสน ตร.ม. ส่วนคลังสินค้าที่ อ.วังน้อย จ.อยุธยา คาดว่าสร้างเสร็จปี 51 จำนวน 3 หมื่น ตร.ม.  
          ส่วนปีนี้ TICON เชื่อว่ารายได้ในช่วงไตรมาส 4 จะโตก้าวกระโดดเมื่อเทียบไตรมาส 3 และครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจากส่วนใหญ่จะมีการรับรู้รายได้ทั้งจากการขายสินทรัพย์ให้ TFUND และจากค่าเช่าจากโรงงาน 680-700 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้เดือนละ 55-60 ล้านบาท และยังขายโรงงานให้ผู้เช่าเดิมอีกประมาณ 400 ล้านบาท 
          นายวีระพันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติให้ TFUND ดำเนินการเพิ่มทุนเป็นครั้งที่ 2 เรียบร้อยแล้ว โดยการเพิ่มทุนครั้งนี้จะเสนอขายหน่วยลงทุนจำนวนทั้งสิ้น 185 ล้านหน่วย ระหว่างวันที่ 15-22 ต.ค.นี้ ราคาหน่วยละ 10.65 บาท รวมมูลค่า 1,970 ล้านบาท โดยเสนอขายให้กับผู้ถือหน่วยเดิมและประชาชนทั่วไปในสัดส่วน 50:50 
          การเพิ่มทุนครั้งนี้ TFUND จะลงทุนในโรงงานอุตสาหกรรมทั้งสิ้น 47 โรง คิดเป็นพื้นที่ 95,925 ตร.ม.คิดเป็นมูลค่า 1,910 ล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มสินทรัพย์ที่ TFUND เข้าไปลงทุนเป็น 131 โรง คิดเป็นมูลค่า 5,777 ล้านบาท 
         ทั้งนี้ บริษัทได้รักษาสัดส่วนการถือในกองทุน ดังกล่าว ไม่ต่ำกว่า 20% ตามนโยบายจากปัจจุบันที่ถืออยู่ 23% โดยช่วงที่ผ่านมาได้ขายหน่วยลงทุนกองทุนดังกล่าวให้ GE ที่ขอเข้ามาถือหน่วยลงทุน 13%  
          "เดิมกองทุนนี้จะขายต่างชาติ แต่ติดเกณฑ์แบงก์ชาติ ถึงแม้แบงก์ชาติจะอนุญาตไม่ต้องสำรอง 30%แต่ต้อง headging ต่างชาติเลยไม่เอา และมองว่าการทำ headging มีต้นทุนที่เพิ่ม เราเลยต้องปรับมาขายให้กับนักลงทุนในประเทศทั้งหมด  และอาจจะพิจารณานำธุรกิจโลจิสติกส์เข้าไปในกองทุน" นายวีระพันธ์ กล่าว