ภาวะตลาดหุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าขึ้น แนวเดียวกับตลาดตปท. ลุ้นเฟดลดดบ.,Fund Flow เข้า

          นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้น ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยคาดว่ากลุ่มพลังงานจะนำตลาด เนื่องจากรับผลดีจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ในวันที่ 30-31 จะมีการประชุม FOMC ตลาดต่างคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหากเป็นจริงก็จะช่วยกระตุ้นการลงทุนในตลาดบ้านเราได้ด้วย
          ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยหนุนในเรื่องที่มี Fund Flow ไหลเข้า โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา(26 ต.ค.)ต่างชาติได้ซื้อสุทธิถึง 5 พันกว่าล้านบาท ทำให้เห็นว่าในช่วงที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิเป็นเพียงแค่การปรับพอร์ตเท่านั้น 
          อย่างไรก็ตาม ตลาดยังมีความเสี่ยงในปัญหาซับไพร์มที่ยังไม่จบ และการที่ราคาน้ำมันแพงทำให้จะต้องดูต่อไปว่าจะมีผลกระทบต่อไปหรือไม่ อย่างไร
          พร้อมให้แนวต้านไว้ที่ 905 จุด แนวรับ 810 จุด 
          ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :  
          - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(26 ต.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 13,806.70 จุด เพิ่มขึ้น 134.78 จุด(+0.99%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,535.28 จุด เพิ่มขึ้น 20.88 จุด(+1.38%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,804.19 จุด เพิ่มขึ้น 53.33 จุด (+1.94%)  
          - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5,068.88 ล้านบาทเมื่อ 26 ต.ค.50
          - ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุดที่ 91.86 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.40 ดอลลาร์ 
          - ลุ้นการประชุมกลุ่มโอเปคเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันเดือนพ.ย.นี้ เชื่อปัจจัยเดียวช่วยราคาลดลงได้ ทั้งนี้ ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลดีเซลทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ผู้ค้าจ่อปรับราคาเพิ่มสัปดาห์นี้ หลังค่าการตลาดติดลบ 20 สตางค์ต่อลิตรแล้ว ยอมรับราคาสูงผิดปกติ ชี้แนวโน้มราคาจะปรับขึ้นอีกลิตรละ 1-2 บาท คาดเบนซินทะลุลิตรละ 32 บาท ส่วนดีเซลมีสิทธิแตะ 29 บาทต่อลิตรแน่นอน ขณะที่ปั๊มในประเทศจีนหลายมณฑลปิดบริการชั่วคราว เหตุขาดแคลนน้ำมัน
          - ประมูลรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต เกือบ 6 หมื่นล้านบาท "คึกคัก" กลุ่มผู้รับเหมา "อิตาเลียนไทย- ช.การช่าง-ซินเท็ค-ซิโน-ไทย" แห่ซื้อเอกสาร หลังงานประมูลโครงการขนาดใหญ่ปิดตายหลายปี ร.ฟ.ท.เปิดยื่นซอง 13 ธ.ค.นี้ ผู้รับเหมาเผยเสี่ยงสูงหากต้องรับผิดชอบรื้อย้ายผู้บุกรุก 3,084 หลังคาเรือนหวั่นถูกฟ้องร้อง คาดถึงเวลาอาจมีผู้ยื่นน้อยราย
          - ตัวเลขทุนสำรองระหว่างประเทศเดือน ม.ค.-ต.ค.50 เพิ่มขึ้น 2.26 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินทุนสำรองสะสมรวมแล้ว 6.51 แสนล้านบาท เป็นผลจากการที่ดอลลาร์อ่อนค่าขณะที่เงินบาทแข็งต่อเนื่อง เมื่อแปลงค่าเป็นสกุลบาทจึงส่งผลให้มูลค่าเงินทุนสำรองสุทธิลดลง "ธาริษา" ยันเป็นแค่ตัวเลขทางบัญชี
          - อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวกลาง พ.ย.นี้ คาดว่าคณะลูกขุน ภายใต้องค์การการค้าโลก(WTO)จะประกาศผลการตัดสินกรณีที่ไทยฟ้องร้องสหรัฐต่อดับเบิลยูทีโอเพื่อให้สหรัฐยกเลิกเก็บภาษีสินค้ากุ้งไทยซ้ำซ้อน เนื่องจากเก็บทั้งภาษีการทุ่มตลาด (เอดี) และพันธบัตรค้ำประกัน 100% ของอากรเอดี(ซี-บอนด์) รวมถึงยังต้องการให้คิดส่วนเหลื่อมการเก็บอากรเอดีกุ้งไทยใหม่ เพราะการคำนวณแบบซีโรอิงไม่เป็นธรรมกับไทย
          - รมว.พลังงาน กล่าวแม้ขณะนี้ยอดการใช้แอลพีจีในส่วนของรถยนต์ส่วนตัวจะเพิ่มมากขึ้น เพราะประชาชนต้องการลดภาระเรื่องน้ำมันแพง แต่คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบทำให้ประเทศไทยต้องนำเข้าก๊าซหุงต้มในปีหน้า เพราะขณะนี้ได้ทำแผนส่งเสริมให้รถแท็กซี่ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้ก๊าซหุงต้มมากที่สุด 900 กก./วัน/คัน เปลี่ยนมาใช้เอ็นจีวีให้หมดภายใน 2 ปี
          - ร.ฟ.ท.ยังไม่มีแผนการปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟ แม้ว่าราคาน้ำมันดีเซลจะปรับสูงขึ้นมาก เนื่องจากเห็นว่าหากมีการปรับขึ้นค่าโดยสารในขณะนี้ จะกระทบต่อประชาชนที่ใช้บริการรถไฟจำนวนมาก ร.ฟ.ท.จึงยืนยันที่จะยังคงตรึงราคาค่าโดยสารต่อไป
          - "กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ" เหรัญญิกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ กล่าวตอบโต้นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลัง ที่ออกมาวิจารณ์นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ เรื่องจะยกเลิกมาตรการควบคุมการไหลเข้าของเงิน หรือมาตรการ 30% ว่า เรื่องนี้มีผลกระทบต่อพรรคเป็นอย่างมาก และคนที่เป็นรัฐมนตรีไม่ควรออกมาพูดอะไรที่จะส่งผลกระทบในทางบวก และลบต่อพรรคการเมือง และผู้สมัคร ส.ส.ที่อยู่ในระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง