นายนพพร ภัทรรุจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โกลบอล คอนซูเมอร์ (GLOCON) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 37% มาที่ 2,114 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้ 1,544 ล้านบาท และคาดว่าผลประกอบการจะพลิกกลับมามีกำไรในปี 65 หลังจากไตรมาส 1/64 ขาดทุนสุทธิลดลงมาที่ 7.12 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอาหาร (Food Business) ที่เป็นธุรกิจหลักปีนี้ตั้งเป้ารายได้แตะ 1,290 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 61% ของรายได้ทั้งหมด
ส่วนธุรกิจอาหารแช่แข็ง (Frozen food) คาดว่าปีนี้จะทำรายได้ 673 ล้านบาท เติบโต 46% จากปีก่อนที่มีรายได้ 460 ล้านบาท โดยบริษัทพยายามรักษาฐานลูกค้าในปัจจุบัน และเพิ่ม SKU หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับมีกลุ่มลูกค้าใหม่คือ Lotus และ Tops นอกจากนี้ สินค้าอาหารแช่เย็น (Chilled Food) ก็เติบโตหลังจากช่วงกระแส Work from home อีกด้วย
ขณะที่ในปี 65 ทางบริษัทจะย้ายไปโรงงานแห่งใหม่ ซึ่งจะมีกำลังการผลิต (Capacity) เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า สามารถเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาสินค้า ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสินค้า Frozen Food, Plant Based Food และ Chilled Food
ด้านสินค้าผลไม้อบแห้ง (Dried Fruit) คาดว่าจะทำรายได้แตะ 617 ล้านบาท เติบโต 73% จากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 356 ล้านบาท หลังมีความพร้อมเรื่องการผลิต และสามารถดึงลูกค้ารายใหญ่กลับมา รวมไปถึงมีการขยายไปยังตลาดใหม่เพิ่มอีกด้วย โดยสัดส่วนตลาดปัจจุบันแบ่งเป็น ยุโรป 43% สหรัฐ 39% เอเชีย 9% แอฟริกา 5% และอเมริกาใต้ 4%
สำหรับธุรกิจเทรดดิ้ง (Trading Business) ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 61 ล้านบาท เติบโต 308% จากปีก่อนที่มีรายได้ 15 ล้านบาท โดยจะมีแบรนด์ของทางบริษัทเอง ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ VIVA สินค้าผลไม้อบแห้ง หรือแบรนด์ Kitchen Plus ซึ่งจะเป็นสินค้า Plant Based Food ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังนิยมในต่างประเทศ มีตลาดที่ใหญ่และมีการเติบโตที่ดี เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีประโยชน์ทั้งต่อคนและสิ่งแวดล้อม
บริษัทคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายสินค้า Plant Based Food ได้ในไตรมาส 3/64 โดยจะวางจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งยุโรป สหรัฐ และเอเชีย คาดว่าสินค้า Plant Based Food จะมียอดขาย 100 ล้านบาทในปีนี้ โดยจะเป็นสินค้าที่ใช้สูตรอาหารไทยเป็นจุดขาย และในปีหน้าจะเริ่มพัฒนาเป็นสูตรอาหารเอเชียหรืออาหารชาติอื่นๆเพิ่มเติม
นายนพพร กล่าวว่า ส่วนธุรกิจร้านอาหาร (Restaurant business) บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะอยู่ที่ 100 ล้านบาท ลดลงกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 116 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยร้าน A&W ได้ปรับตัวด้วยการทำ A&W Foodtruck ไปตั้งในห้างสรรพสินค้า หรือลานกิจกรรมต่างๆ ปัจจุบันมี 2 คัน และจะเพิ่มเป็น 4 คันในสิ้นเดือนนี้หลังได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค
และในปีนี้ก็จะออกโปรโมชั่นฉลองครบ 102 ปีของ A&W ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายได้อีกช่องทางหนึ่ง รวมไปถึงการเป็นพาร์ทเนอร์กับธุรกิจ Delivery ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคเช่นกัน และยังมีการนำสินค้า Waffle เข้าไปจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ภายในเดือนก.ค.นี้อีกด้วย
ส่วนร้านอาหารอื่นๆ จะมีการเปิดตัวร้านเตี๋ยว "สะอาด" ในสถานีบริการปั๊มน้ำมัน โดยจะจำหน่ายในราคาที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ เริ่มเปิดตัวในเดือน ส.ค.นี้ เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายในกลุ่มธุรกิจร้านอาหารได้อีกช่องทางหนึ่ง
ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (Packaging Business) ตั้งเป้ารายได้ที่ 664 ล้านบาท เติบโต 16% จากปีก่อนที่ 569 ล้านบาท โดยยังคงรักษาฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง มีการเข้าไปพูดคุยกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาสินค้าร่วมกันตั้งแต่แรก เพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพและตรงความต้องการของลูกค้า และในปีนี้จะไม่เน้นที่สินค้าอาหารเพียงอย่างเดียว แต่จะเน้นไปที่สินค้ายาและสินค้า Personal care มากขึ้นอีกด้วย
ขณะที่ความคืบหน้าการขอใบอนุญาตการผลิตสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่มจากน้ำมันเมล็ดกัญชงกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) คาดว่าจะได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการได้ในเดือน ก.ย.นี้ และน่าจะเริ่มวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ได้ในเดือนต.ค.64 เป็นต้นไป