SEAFCOพร้อมผนึกพันธมิตรประมูลรถไฟฟ้าสีม่วง-รอรับงานเสาเข็มรถไฟฟ้าสีแดง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 3, 2007 16:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ. ซีฟโก้ (SEAFCO) ยืนยันความพร้อมเข้าร่วมประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงร่วมกับพันธมิตรแน่นอน ส่วนรถไฟฟ้าสายสีแดงที่รัฐเริ่มเปิดขายซองประมูล 3-12 ต.ค.นี้ ไม่มีแผนเข้าประมูลเพราะเกรงปัญหาเวนคืนที่ดิน ขอรอเป็น Subcontract รับงานเสาเข็มเจาะเท่านั้น 
ขณะที่จากนี้จนถึงปลายปีน่าจะมีงานรอเซ็นสัญญาเดือนละ 200-300 ล้านบาท ทำให้มั่นใจว่าจะทำรายได้ตามเป้า 2.3 พันล้านบาทในปี 50 แต่ในแง่ของกำไรสุทธิและอัตรากำไรขั้นต้นยอมรับว่าอาจไม่ดีเท่าปีก่อน ซึ่งนับเป็นปีที่ดีที่สุดตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่ยังคาดว่า Q3/50 จะพลิกกลับมามีกำไร จาก Q2/50 ที่ขาดทุน 21 ล้านบาท
นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ รองประธานกรรมการ SEAFCO เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมกับพันธมิตรเข้าประมูลงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงอย่างแน่นอน แต่ขอดูร่างทีโออาร์และราคากลางก่อน
"ต้องรอดูก่อนว่ารัฐจะประกาศเท่าไหร่ และถ้ามีคนอื่นซื้อ เขาคงโทร.มาคุยกับเราก่อน แล้วเราค่อยดูอีกที เพราะครม.เพิ่งจะประกาศ ยังต้องมีขั้นตอนอีกมาก ต้องรอดูร่างทีโออาร์แล้วก็มาประชุมภายในว่าเราจะเดินตรงไหน จะร่วมกับพันธมิตรรายใด เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ตัดสินใจพรวดพราดไม่ได้ แต่เรื่องความพร้อมเราพร้อมอยู่แล้ว"นายณรงค์ กล่าว
ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง(บางซื่อ-ตลิ่งชัน) บริษัทมีความกังวลปัญหาการเวนคืนที่ดิน จึงตัดสินใจที่จะรอเป็น Subcontract ดีกว่า
"สายสีแดงเป็นเรื่องยากเพราะให้ผู้รับเหมาเป็นคนดำเนินการเวนคืนที่ดิน เอาไว้รอ Subcontract งานเสาเข็มเจาะดีกว่า คิดเป็นประมาณ 10% ของมูลค่าโครงการ 8.7 พันล้านบาท ส่วนสายสีม่วงของ รฟม.น่าสนใจกว่า และมูลค่าโครงการเยอะด้วย"นายณรงค์ กล่าว
*คาดงานทยอยเข้า 200-300 ลบ./เดือน จนถึงปลายปี 50
นายณรงค์ กล่าวว่า คาดว่า ตั้งแต่เดือน ต.ค.นี้จนถึงปลายปีนี้น่าจะมีงานเพิ่มเข้ามาอีกเดือนละประมาณ 200-300 ล้านบาท จากทั้งงานที่เข้าประมูลก่อนหน้านี้ร่วมพันล้านบาท และก็มีที่ประมูลเพิ่มไปอีก
"ในส่วนที่เข้าประมูลจะมีตายตัวอยู่ประมาณพันล้านอยู่ตลอด เดี๋ยวเราก็ได้มาบ้าง คนอื่นได้มาบ้าง ส่วนที่เราประมูลได้มาพอส่งมอบไป เดี๋ยวก็เข้าประมูลเข้ามาใหม่"นายณรงค์ กล่าว
ส่วนใหญ่งานที่เข้ามาใหม่ช่วงนี้ยังเป็นงานในประเทศ และส่วนใหญ่เป็นงานเอกชน ขณะที่งานราชการมีเข้ามาบ้างประปราย สำหรับงานต่างประเทศ ยังไม่มีงานใหม่เข้ามา เนื่องจากกำลังเร่งการก่อสร้างงานกำแพงกันดินของรีสอร์ทที่สิงคโปร์อยู่ ซึ่งตอนนี้เสร็จไปแล้ว 20% คาดว่าจะเสร็จและส่งมอบงานตามกำหนดปลายปี 50
*กำไรสุทธิปี 50 อาจสู้ปีก่อนไม่ได้-อัตรากำไรขั้นต้นลดเหลือ 11-13% จาก 14.8%
นายณรงค์ กล่าวว่า เป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 2.3 พันล้านบาท ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ในส่วนของกำไรสุทธิอาจจะสู้ปีที่แล้ว ถือว่าเป็นปีที่ดีที่สุดไม่ได้ เพราะปีนี้มีวิกฤตการณ์หลายอย่าง ซึ่งส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น(Gross Profit Margin)ถดถอยลงมาที่ 11-13% จาก 14.8% ในปี 49
"ปีที่แล้วเราทำได้ดีเกินคาด แต่ถ้าไม่เปรียบกับปีที่แล้วปีนี้ก็น่าจะยังเป็นปีที่ดีปีนึงของเรา เพราะแม้จะมีปัจจัยกดดันหลายอย่าง เช่น มาตรการ 30% ทำให้ต่างชาติไม่เข้ามาลงทุน จนส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน"นายณรงค์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม มองว่าสถานกาณ์เริ่มดีขึ้น เห็นได้จากงานเอกชนที่ออกมามากขึ้นจากไตรมาส 2 ถึงต้นไตรมาส 3 โดยเฉพาะขณะนี้บริษัทจดทะเบียนในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้งานใหม่อย่างต่อเนื่อง
"ครึ่งปีหลังน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยไตรมาส 3 น่าจะพลิกกดีกว่าไตรมาส 2 ที่ขาดทุนอยู่ 21 ล้านบาท แต่ที่จะดีจริงต้องดูไตรมาส 4 เพราะงานที่รับมาจะทำเต็มที่ในไตรมาส 4"นายณรงค์ กล่าว
*ลูกหนี้รับปากเร่งคืนหนี้ภายในปีนี้
นายณรงค์ กล่าวถึงลูกหนี้ค้างชำระที่บันทึกเป็นหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 30 ล้านบาทในงบการเงินไตรมาส 2/50 ว่า มั่นใจว่าจะเก็บคืนหนี้ได้ทั้งหมด 50 ล้านบาทภายในปีนี้ เพราะทราบว่าลูกหนี้มีพันธมิตรเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และรับปากว่าจะไม่ให้เกินไตรมาส 4
"ไตรมาส 3 จะต้องตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญอีกหรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าดีลระหว่างลูกหนี้กับพันธมิตรจะจบเร็วแค่ไหน เพราะเราคงไปเร่งรัดเขาไม่ได้ ยังมีเวลาอีกเดือนเศษๆ ก่อนที่เราจะปิดงบ Q3 ก็จะทวงถามไปอีกที ซึ่งถ้าลูกหนี้คืนหนี้ไม่ทันก็อาจจะต้องตั้งอีก 20 ล้านบาท แล้วไปถอดเอาตอนไตรมาส 4 ก็จบ"นายณรงค์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ