นายธีรชัย ลีนะบรรจง ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอื้อวิทยา (UWC) กล่าวว่า บริษัทวางงบลงทุน 500-600 ล้านบาท รองรับการก่อสร้างสถานีฐานและเสาเทเลคอมให้เช่าในระยะยาว 15-25 ปี กับบริษัทผู้ให้บริการมือถือ ในประเทศฟิลิปปินส์ จำนวน 140 สถานีในปีนี้ ภายหลังจากขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจให้เช่าเสาโทรคมนาคม (Tower Co) ในประเทศฟิลิปปินส์ ภายใต้บริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้น ชื่อ SkyTowers Infra Inc. ในประเทศฟิลิปปินส์ ด้วยทุนจดทะเบียนจัดตั้งเบื้องต้น 100 ล้านเปโซ UWC ถือหุ้น 100%
SkyTowers Infra ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านสื่อสารและโทรคมนาคม (Department of ICT) ของฟิลิปปินส์ให้เป็นบริษัทที่สามารถดำเนินธุรกิจก่อสร้างสถานีเสาส่งสัญญาณและให้เช่าเสาโทรคมนาคมได้ โดยมีลูกค้ารายแรกแล้ว เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายที่ 3 ในฟิลิปปินส์ คือ DITO Telecommunity ถือหุ้นใหญ่โดย CHINA elecommunications Corporation รัฐวิสาหกิจชั้นนำของประเทศจีน ได้รับสัมปทานคลื่นความถี่ 700 MHz ถึง 3,500 MHz ระยะเวลา 25 ปี ซึ่งมีความต้องการติดตั้งอุปกรณ์ส่งสัญญาณบนเสาโทรคมนาคมจำนวนมาก เพื่อเร่งสร้างเครือข่ายให้ครอบคลุมผู้ใช้บริการมือถือกว่า 110 ล้านคนในฟิลิปปินส์ โดยมีงบลงทุนกว่า 17,000 ล้านบาทในปี 64
และ ล่าสุด บริษัทก็ได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนเพิ่มเติมกับ GLOBE Telecom ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมทั้งโทรศัพท์พื้นฐานโครงข่ายบรอดแบนด์และผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่อันดับ 1 ของฟิลิปปินส์ที่มีลูกค้ากว่า 90 ล้านเลขหมาย และเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศฟิลิปปินส์ (Philippine Stock Exchange-PSE)
ปัจจุบัน บริษัทเริ่มดำเนินการก่อสร้างสถานีเสาโทรคมนาคมแล้วจำนวน 9 สถานี ทางตอนเหนือของเกาะ Luzon ของประเทศฟิลิปปินส์ โดยมีเป้าหมายก่อสร้างสถานีในช่วง 3 ปี (64-66) ทั้งสิ้น 620 สถานี แบ่งเป็น ปี 64 จำนวน 140 สถานี และในปี 65 จำนวน 240 สถานี ใช้เงินลงทุนประมาณ 4.7 ล้านบาท/สถานี ระยะเวลาการก่อสร้างราว 4 เดือน/สถานี คาดว่าจะสามารถสร้างได้ 15-20 สถานี/เดือน นายธีรชัย กล่าวว่า บริษัทประเมินว่าเมื่อดำเนินการก่อสร้างครบ 620 สถานีในปี 66 จะสามารถรับรู้รายได้จากการให้เช่าเสาโทรคมนาคมราว 400-500 ล้านบาท/ปี
ขณะที่ บริษัทเตรียมเปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.สกาย ทาวเวอร์ เพื่อสะท้อนถึงการปรับตัวขององค์กรและพัฒนาการของธุรกิจในโลกยุคปัจจุบัน คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในเดือนมิ.ย.นี้
สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทยังคงรับรู้รายได้จากธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและเสาโทรคมนาคม ขณะที่ธุรกิจเสาโทรคมนาให้เช่า (Tower Co) จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีรายได้และกำไรเข้ามาอย่างสม่ำเสมอทุกปี ขณะเดียวกันก็เตรียมนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Offering) ในช่วงที่ผ่านมา จำนวน 526 ล้านบาท บางส่วนไปปรับโครงสร้างหนี้ คาดว่าจะส่งผลให้หนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงเหลือ 0.5-0.6 เท่า รวมถึงใช้ในการลงทุนในธุรกิจ Tower Co