นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บมจ.เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว (SECURE) เปิดเผยว่า เตรียมเคาะราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) ในเดือน มิ.ย. จำนวน 27.74 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 27.0 ของทุนจดทะเบียน ก่อนที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในเดือน ก.ค. นี้
สำหรับวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้สร้างศูนย์ให้บริการด้านเทคนิค (Technical Support Center), การลงทุนเพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยีไซเบอร์(Cyber security),การลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัท และเป็นเงินทุนหมุนเวียน
ที่ผ่านมาบริษัทได้รับการตอบรับจากลูกค้าหลายกลุ่ม อาทิ ภาครัฐ สถาบันการศึกษา สาธารณสุข สถาบันการเงิน กลุ่มผู้ให้บริการ และกลุ่มองค์กรธุรกิจ จึงถือเป็นอีกบริษัทที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับการลงทุน ขณะที่แนวโน้มในอนาคตที่ยังสามารถเติบโตต่อไปได้อีกมาก ตามการขยายตัวของโลกยุคดิจิทัล ที่มีการปรับเปลี่ยนและเพิ่มความซับซ้อนทางด้านเทคนิคที่มีผลกระทบที่รุนแรงมากขึ้น
ด้านนายนักรบ เนียมนามธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SECURE เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ครั้งนี้จะช่วยหนุนให้บริษัทมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ค้วยความน่าเชื่อถือและเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ที่จะส่งผลให้ผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีให้ความสนใจที่จะแต่งตั้งให้บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากตลาด Cyber security ของประเทศไทยยังมีโอกาสการเติบโตอีกมากเมื่อเทียบกับปริมาณการใช้ Cyber security ในต่างประเทศ
โดยหลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กระทบให้รูปแบบการทำงานเปลี่ยนแปลงไปเป็นการทำงานผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น และทิศทางการทำงาน การใช้ชีวิต ระบบการจ่ายเงิน การซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จำเป็นต้องมีการรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูลต่างๆ และความเป็นส่วนตัว ที่ทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องพัฒนาระบบ Cyber security เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย
สำหรับแผนการลงทุนสร้างศูนย์ให้บริการด้านเทคนิคและขยายทีมบุคลากรในฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการให้กับลูกค้า และใช้ในการสาธิตการทำงานของผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่าย เพื่อให้ลูกค้ามีความรู้ ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ และสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งมีแผนลงทุนเพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ด้าน Cyber security ที่จะช่วยในการเชื่อมต่อโซลูชั่นของผลิตภัณฑ์ที่บริษัท เป็นตัวแทนจำหน่าย เข้ากับระบบต่างๆ ของลูกค้า และอาจมีการร่วมมือกับบริษัทพัฒนาซอฟท์แวร์ เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงการขายซอฟท์แวร์ ภายใต้แบรนด์ของบริษัท (White Label) ตลอดจนการซื้อทรัพย์สินทางปัญญาจากบริษัทพัฒนาซอฟท์แวร์
"ธุรกิจมีโอกาสในการขยายการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากการที่องค์กรต่างๆที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล โดยเฉพาะจากแผนการบังคับใช้ พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่คาดว่าจะมีผลบังคับในปี 65 ส่งผลให้บริษัทฯ มีฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นได้ในอนาคต รวมทั้งจะทำให้มีโอกาสรับงานโครงการขนาดใหญ่มากขึ้น ขณะเดียวกันได้เพิ่มศักยภาพการพัฒนาองค์กรผ่านการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า และพันธมิตรต่างๆ รวมถึงการขยายธุรกิจในต่างประเทศอีกด้วย"นายนักรบ กล่าว
SECURE ประกอบธุรกิจตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์โซลูชั่นด้านการรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยีไซเบอร์ (Cyber security) และให้บริการที่เกี่ยวข้อง โดยผลประกอบการย้อนหลังในช่วง 3 ปี (61-63) ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 575.70 ล้านบาท 650.78 และ 639.14 ตามลำดับ ส่วนกำไรสุทธิจำนวน 69.46 ล้านบาท 58.42 ล้านบาท และ 23.73 ล้านบาท ตามลำดับ