นายมนาเทศ อันนวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดและการขาย บมจ.ไรมอน แลนด์ (RML) เปิดเผยว่า บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้ในปี 64 ยังทำได้ตามเป้าหมาย 2.7 พันล้านบาท หลังจากไตรมาส 1/64 มีรายได้แล้ว 1.6 พันล้านบาท จากการทยอยโอนโครงการต่างๆ ได้แก่ โครงการ The Lofts Silom โครงการ The Rivers และโครง The Lofts Asoke ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังคงเดินหน้าทยอยขายและโอนโครงการสร้างเสร็จอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมีโครงการในสต็อกที่พร้อมโอนราว 8 พันล้านบาท และมีมูลค่ายอดขายรอโอน (backlog) อยู่ที่ 5.7 พันล้านบาท
สำหรับมุมมองต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีทิศทางฟื้นตัวขึ้น หลังจากช่วงครึ่งปีแรกการขายชะลอตัวบ้าง จากแรงกดดันของสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 2 และ 3 แม้ว่าจะยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยอยู่มากในตลาด โดยเฉพาะตลาดระดับลักชัวรี่กลุ่มผู้ที่มีกำลังซื้อสูง แต่ก็ทำให้กลุ่มลูกค้าก็ชะลอการตัดสินใจซื้อออกไปบ้าง รวมถึงยังไม่มีกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาซื้อในช่วงที่ผ่านมา เพราะยังไม่มีการเปิดประเทศ
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการที่ภาครัฐเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในวงกว้าง และนายกรัฐมนตรีตั้งเป้าหมายกลับมาเปิดประเทศให้ได้ภายใน 120 วัน ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและภาคธุรกิจ ประกอบกับการพิจารณาขยายเพดานสัดส่วนการซื้อที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติ เป็นปัจจัยบวกที่จะเข้ามาหนุนภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง และทำให้ตลาดระดับบนน่าจะกลับมาฟื้นตัวได้เร็วกว่าตลาดระดับอื่นๆ ซึ่งส่งผลบวกต่อทิศทางของผลการดำเนินงานของ RML ในช่วงครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้ การแข่งขันด้านราคาขายคอนโดมิเนียมกลุ่มลักชัวรี่ถือว่าน้อยกว่ากลุ่มระดับราคาอื่นๆ จากในช่วงที่ผ่านมาโครงการระดับลักชัวรี่ในทำเล CBD ของกรุงเทพฯ ยังสามาถทรงตัวได้ และไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา สะท้อนศักยภาพของทำเลที่ยังมีความต้องการซื้อในระดับที่ดีและปริมาณซัพพลายน้อยกว่าทำเลอื่นๆ ทำให้ผลกระทบในด้านการแข่งขันราคาไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินกลยุทธ์การขายของบริษัท
ขณะที่บริษัทยังเดินหน้าเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังอีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท ได้แก่ คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ทำเลสุขุมวิท 38 ใกล้ทองหล่อ และ Oceanfront Luxury Villas ในจังหวัดภูเก็ต เจาะกลุ่มลุกค้าระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง และลูกค้าชาวต่างชาติ โดยจะพิจารณาช่วงเวลาในการเปิดตัวตามสถานการณ์ที่เหมาะสม
สำหรับโครงการ TAIT Sathorn 12 ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ มูลค่า 4.3 พันล้านบาท ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่ได้รับผลตอบรับที่ดีจากทั้งลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ จากยอดขายที่ทำได้แล้ว 75% มูลค่า 2.6 พันล้านบาท เป็นผลมาจากทำเลที่มีศักยภาพใจกลางเขตธุรกิจ และศูนย์กลางทางการเงิน ตอบโจทย์วิถีชีวิตที่ต้องการเชื่อมต่อการเดินทาง พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมไปถึงการออกแบบที่มีควาทันสมัย ทำให้ลูกค้าสนใจเข้ามาจองโครงการ โดยเฉพาะลูกค้าชาวต่างชาติมีสัดส่วนถึง 35% ซึ่งบริษัทจะนำโครงการ TAIT Sathorn 12 ไปนำเสนอขายในงานต่างๆ เพื่อสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้น