นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บมจ. ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น (CP7-11) คาดว่า รายได้ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่มีรายได้และกำไร เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจ และยังได้รับผลดีจากเทศกาลกินเจ และเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวทำให้ผู้บริโภคกลับมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลกินเจ บริษัทได้มีการนำสินค้าที่เกี่ยวกับเทศกาลดังกล่าวมาวางจำหน่ายร้านด้วย เช่น นมถั่วเหลือง ซาลาเปา อาหารสำเร็จรูป ฯลฯ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้า
"เราไม่คาดหวังว่ารายได้จากสินค้าเจ เพราะจุดประสงค์หลักคือ ต้องการเพิ่มทางเลือกและความสะดวกให้ลูกค้า และยังเป็นการตอกย้ำการรับรู้ของผู้บริโภคว่าร้านเซเว่นมีสินค้าทุกประเภท และสร้างการรับรู้ใหม่ว่า ต่อไปนี้เมื่อถึงเทศกาลเจลูกค้าสามารถมาซื้อหาสินค้าเจที่เซเว่นได้"นายสุวิทย์ กล่าว
นายสุวิทย์ กล่าวว่า ในช่วงปลายปีซึ่งมีทั้งปิดเทอม และยังเป็นฤดูท่องเที่ยว ซึ่งปกติยอดขายจะเพิ่มขึ้น
**คงเป้ารายได้โต 15% จาก 1 แสนลบ.ในปี 49
นายสุวิทย์ กล่าววต่อว่า ถึงแม้ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะมองว่ารายได้จะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรก แต่จะคงเป้ารายได้ที่โต 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้ 1.04 แสนล้านบาท ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเข้ามาซื้อสินค้าเบเกอรี่ กาแฟ และอาหารสำเร็จรูปเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสาขาในย่านธุรกิจ
ในส่วนของศูนย์กระจายสินค้าในเขตภาคเหนือ ขณะนี้บริษัทได้ตกลงเลือก จ.ลำปาง จากก่อนหน้านี้ที่มีจ.ลำพูน และเชียงใหม่ เป็นทางเลือกด้วย สาเหตุที่เลือก จ.ลำปาง เนื่องจากเป็นทำเลมีศักยภาพ สามารถลดต้นทุนด้านการขนส่งสินค้า รวมทั้งทำการขนส่งสะดวกรวเร็วขึ้น คาดว่าจะเริ่มสร้างในไตรมาส 1 ปี 51 ใช้เงินลงทุน 500 ล้านบาท (รวมค่าที่ดินและวัสดุก่อสร้าง) และในอนาคตบริษัทังมีเปิดศูนย์กระจายสินค้าที่ภาคใต้ด้วย
ปัจจุบัน CP7-11 มีศูนย์กระจายสินค้าในต่างจังหวัด 1 แห่ง คือ จ.ขอนแก่น
ส่วนกรณีการเข้าบริหารร้านสะดวกซื้อแทน Jiffy ในปั๊ม Jet ของ บมจ. ปตท (PTT) ในขณะนี้ ทาง PTT ได้มีการเข้าเจรจาอย่างเป็นทางการแล้ว แต่คงจะต้องรอให้สัญญาทาง Jiffy หมดอายุในปี 53 ก่อนแล้วบริษัทก็เข้าบริหารทันที
นายสุวิทย์ กล่าวถึงกรณีผู้ถือหุ้น 2 รายขายหุ้นออกมาเมื่อวันที่ 3 และ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นเพราะครบกำหนด Silent Period และเชื่อการขายหุ้นดังกล่าวไม่กระทบธุรกิจของบริษัท เพราะมีกองทุนต่างชาติสนใจเข้าลงทุนใน เนื่องจากมองว่าเป็นหุ้นพื้นฐานดี มีอัตราเติบโตต่อเนื่อง
ปัจจุบัน CP7-11 มี 4,200 สาขา และภายในปี 52 จะมีครบ 5 พันสาขา โดยปี 51 มีแผนจะเปิดสาขา 400 แห่ง ใช้เงินลงทุน 5 ล้านบาทต่อสาขา
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/นิศารัตน์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--